แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ซ้อมวิ่งยาว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ซ้อมวิ่งยาว แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561

ทำเข้าไปด้าย 25k เพซ 6.00 สม่ำเสมอ

วิ่งยาวประจำ Week 7 ซ้อมเพื่อลงแข่งระยองมาราธอน วันที่ 25 พ.ย. 2561 ระยะทำการ 27K คือต้องวิ่ง 11 รอบสวนลุมพินี จะได้ 27.5K เวลาที่ทำได้ดังนี้
  • 4 รอบแรก 1:01 ชม.
  • 4 รอบสอง 1:00 ชม.
  • 2 รอบสาม 30 นาที
  • 1 รอบสุดท้าย  16 นาที
อันนี้เยี่ยมมากสามารถวิ่ง 10 รอบ ด้วย Pace เฉลี่ย 6.00 ซึ่งไม่เคยทำได้ดีแบบนี้ ปกติจะวิ่ง 10 รอบแรก กับ 10 รอบสอง ไม่เท่ากัน ต่างกัน 5-8 นาทีเลย

สภาพร่างกายปกติดี ไม่เหนื่อย วิ่งเรื่อยๆ สามารถยืดเหยียดครบตาม 5 ท่าหมอเมย์

ทั้งนี้ปกติจะไปวิ่งยาวที่สวนธนฯ แต่ไปถึงเกือบตี 3 ปรากฎว่าเขาล็อคประตูสนิท ต่อเติมประตูสูงเท่ากำแพงเลย คือต้องเริ่มตี 5 ตามเวลาทำการของสวน เลยเปลี่ยนไปวิ่งสวนลุมแทน พอวิ่งเสร็จก็จะได้ไปทำงานต่อ

ข้อสังเกตุ : 
  • รู้สึกว่าคนเยอะขึ้นซักตี 5 ผู้คน นักวิ่งก็ทะยอยกันมา อาจเป็นเพราะตารางซ้อมวิ่งยาวของบางคนตรงกับวันเสาร์
  • วันนี้โดนครูดินแซงตอนวิ่ง รอบรองสุดท้าย ตอนแรกมองไม่ชัดเพราะไม่ได้ใส่แว่นแต่ดูทรงแล้วคิดว่าใช่ครูดิน เลยวิ่งไปแอบดูอีกทีตอนรอบสุดท้าย ซึ่งก็ใช่จริงๆ
  • ทางสวนเขาทำที่ยืดเส้น ยืดเหยียดใหม่ ไว้ตรงประตูหอนาฬิกา ด้านแยกสาทร

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ซ้อมวิ่งยาว 27 รอบสวนธนบุรีรมย์

เมื่อวานตี 3 กว่าไปซ้อมวิ่งยาว 27K ตามโปรแกรมการฝึกซ้อมเพื่อลงแข่งมาราธอนลำดับที่ 7 รายการวังขนายมาราธอน ณ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี สนามซ้อมนี้ดีตรงที่ไปถึงเวลาไหนก็เริ่มได้เลย ปลอดภัย คนไม่แออัด บรรยากาศดีมาก ฯลฯ

วิ่งไป 27 รอบ (ระยะสนามจริงรอบละ 1070 เมตร) ได้ระยะซ้อมจริง 29K ทำเวลาได้

  • 10 รอบแรก 1:07 ชม. pace 6.16
  • 10 รอบอง 1:08 ชม. pace 6.21
  • 7 รอบสุดท้าย 48 นาที pace 6.24
จะเห็นได้ว่า วิ่งไป 27 รอบทำความเร็วใกล้เคียงกันมากทั้ง 27 รอบ (ที่เขาเรียกว่าแบ่งเติมน้ำให้เต็มทุกๆแก้ว)
ทั้งนี้ไม่ได้กินเกลือแร่ตอน 18K กับกล้วยหอมตอน 21K  เพราะไม่ได้เตรียมมาและอยากทดลองว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อคืนนอนไม่เต็มที่ด้วยกว่าจะหลับสนิทก็ 5 ทุ่มแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561

ซ้อมวิ่งยาว 35K สำเร็จแล้ว เพื่อไปแข่งวิ่งงานหัวหินมาราธอน

เป็นวันที่ร้อนอยู่ แต่พอมีลมพัด แต่การซ้อมก็ต้องดำเนินต่อไปตามโปรแกรม ซึ่งผลก็คือสำเร็จ แยกหัวข้อที่จะพูดถึงการซ้อมครั้งนี้เป็น ไทม์ไลน์, เวลาที่ทำได้, สภาพร่างกาย, สเบียง

ไทม์ไลน์
  • 1:30 น. ตื่น ทำภารกิจ กิน
  • 2:30 น. ล้อหมุน
  • 3:10 น. ถึงสวนธน, วอล์มอัพ
  • 3:35 น. เริ่มวิ่ง
  • 7:25 น. วิ่งครบ 35 รอบ
  • 8:15 น. ยืดเหยียดเสร็จ
  • 8:45 น. เดินทางกลับ
เวลาที่ทำได้
  • 10 รอบแรก ทำเวลา 1:03 ชม.
  • 10 รอบสอง ทำเวลา 1:05 ชม.
  • 10 รอบสาม ทำเวลา 1:10 ชม. รอบละ 7 นาที
  • 5 รอบสุดท้าย ทำเวลา 38 นาที
เสบียง
  • หลังตื่นนอนกิน ขนมปัง 3 แผ่น กล้วยหอม 1 ลูก โอวัลติน 1 แก้ว กาแฟ 1 ถ้วย
  • ก่อนวิ่งกินสปอนเซอร์ 1 ขวด
  • ระหว่างวิ่งกินกล้วยหอม 2 ลูก (รอบ 19 กับ รอบ 25) สปอนเซอร์ 1 ขวด (รอบ 33)
  • หลังวิ่ง กินอาหารมื้อเช้าปกติ
สภาพร่างกาย
  • ก่อนวิ่งปกติ
  • ระหว่างวิ่ง มีน่องกระตุกรอบ 28 กะ เส้นข้อพับเข่าขวารอบ 29,30
  • วิ่งเสร็จ ปกติมาก ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง

วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

วิ่งได้ดีหลังการ Recovery 2 สัปดาห์เมื่อจบนาวิกโยธินมาราธอน

วิ่ง 27K (10 รอบสวนลุม กับอีก 2K) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม 2560 ซึ่งเป็นการกลับมาซ้อมวิ่งยาวของ Week 7 ผลการวิ่งดีมาก ออกมาแบบนี้


  • 4 รอบแรก (10 K) ทำเวลา 55 นาที
  • 4 รอบสอง (20 K) ทำเวลา 59 นาที
  • 2 รอบสาม (25 K) ทำเวลา 31 นาที
  • 2K สุดท้าย (27 K) ทำเวลา 13 นาที
ใช้ Pace Calculator คำนวณเวลาได้ pace = 5:51

หากวิ่งแบบนี้ครบ 42K จะทำเวลา 4 ชม. 7 นาที แจ่ม!!!
ฟลุ๊กหรือป่าวๆ ??? อีก 2 week ได้พิสูจน์กัน กับ 30K

กิจวัตรเดิมๆ

  • ตื่นตี 3 เข้าห้องน้ำ กินกล้วยไข่ 3 ลูก โอวัลติน 1 แก้ว ขนมปัง 4 แผ่น
  • ตี 3:45 น. ออกเดินทางไปสวนลุม ก่อนออกกินกาแฟดำ 1 ถ้วย
  • ตี 4:00 น. เริ่มฟอร์มอัพ ใช้เวลา 25 นาที
  • ออกสตาร์ทตอนตี 4:30 น.
  • วิ่งครบ 10 นาทีตอน 7:00 น. พอดีตอนที่นาฬิกาที่หอตีเตือนเวลาพอดี
  • การจับเวลา 4 รอบต่อ 1 ครั้ง / จับเวลา ต่อรอบ โดยนับถอยหลัง 15 นาที บางรอบ ทำเวลา 14 นาทีครึ่ง บางรอบทำเวลา 15 นาที
สภาพร่างกาย
  • ก่อนวิ่งไม่บาดเจ็บ
  • หลังวิ่งเครียดนิสๆ เพราะกินน้ำน้อยไปและเพิ่งได้กินเกลือแร่ตอนจบ 27K แล้ว 
  • ขณะวิ่งไม่เหนื่อย วิ่งแบบก้าวไปเรื่อยๆ ตาม pace ตัวเอง ไม่ได้แข่งกับใคร รู้สึกดีมากกับทุกรอบ กล้ามเนื้อไม่อ่อนล้าเลย นานๆ จะมีบางก้าวที่เคล็ดเท้าขวาแต่ก็แก้ไขโดยลงน้ำหนักเท้าซ้ายเยอะกว่าแล้ววางการลงเท้าขวาใหม่ อาการก็ดีขึ้นจนปกติ
  • ตอนครบ 2 รอบแล้วกินน้ำ พอออกตัววิ่งใหม่รู้สึกสดชื่น การก้าวได้มั่นใจ ไม่โอ้เอโย้เย
โดยรวมถือว่ากลับมาซ้อมหนักทำได้ดีมากหลังจาก Recovery 2 สัปดาห์ หวังว่าการฝึกซ้อมจะดีขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าแข่ง เชียงรายมาราธอน วันที่ 24 กันยายน 2560 นี้ คงสนุกน่าประทับใจกับอีกหนึ่งมาราธอน

วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560

การฝึกหนักที่พอดี โดย กฤตย์ ทองคง

การฝึกหนักที่พอดี
โดย   กฤตย์  ทองคง


               การฝึก คือ  การจำลองแบบสถานการณ์จริงให้ร่างกายได้ทำความรู้จักกับความเข้มข้นในการใช้ความสามารถทางร่างกายจนคุ้นเคยไว้ก่อนเพื่อปรับรับมือให้วันจริง นักวิ่งจะได้จัดการกับความหนักหน่วงนั้นได้ดียิ่งขึ้น  เมื่อผ่านไปสักระยะที่ร่างกายสามารถปรับตัวได้แล้ว  ผู้วิ่งก็สมควรจำลองสถานการณ์ใหม่เป็นการทบทวนกระบวนการสอนทำความรู้จักที่เข้มข้นขึ้นอีกเล็กน้อยไปเรื่อยๆ  นักกีฬาก็จะเก่งขึ้นขึ้น 
               ดังนั้นการฝึกที่หนัก  ย่อมเป็นลักษณะของนักกีฬาผู้มีประสบการณ์  ที่จะจำลองสถานการณ์เท่าเดิมไม่ได้เสียแล้ว  มิเช่นนั้นร่างกายจะไม่เกิดการเรียนรู้  ความที่เรียกว่าการฝึกหนักตรงนี้  ไม่ใช่หมายความว่าฝึกหนักมาก  หากแต่เป็นการฝึกที่พอดี  ความพอดีต่างหากที่จะทำให้ได้ผล  และการฝึกหนักมากเกินไปจะเป็นอันตราย  และจะไม่เกิดการพัฒนา 
               เรื่องของความพอดี  เป็นเรื่องที่นักกีฬาและโค้ชต้องทำความรู้จักเรือนร่างที่ต้องการฝึกนั้นว่าพอดีอยู่ตรงไหน  แต่ละร่างไม่เท่ากัน  บางร่างรับได้  บางร่างก็รับไม่ได้  ทั้งๆที่รายละเอียดภูมิหลังใกล้เคียงกัน
                เกณฑ์วัดความฝึกหนักที่พอดีอย่างหนึ่งที่นักกีฬาพึงนำไปใช้ ก็คือ  การสังเกตอาการของตนเอง  โดยเฉพาะตอนคูลดาวน์เย็นเครื่องลงก่อนเสร็จสิ้นการฝึกนั้นๆ  ให้นักกีฬาลองถามตัวเองดูว่า  ถ้าตนเองกลับไปทำเพิ่มที่ฝึกเมื่อครู่อีกสัก 2-3 เที่ยว จะสามารถทำได้หรือไม่
                ระดับการฝึกที่พอดีในวันนั้นจะทำให้นักกีฬาสามารถตอบกับตัวเองได้ว่า
 
สามารถทำได้  แม้จะยอมรับว่ามันหนัก มันเหนื่อยก็ตาม

  
แต่ใช่แล้ว  ฉันสามารถทำมันเดี๋ยวนี้ได้อีก
                และไม่ว่าคำตอบนั้นจะเป็นเช่นไร  ก็มิได้หมายความว่านักกีฬาต้องกลับไปทำ  ไม่ต้องครับ  คำถามนี้เป็นการถามเพื่อเช็คตนเองเพื่อหยั่งรู้ระดับความเข้มข้นของแผนฝึกเมื่อครู่ว่าหนักเกินไปหรือไม่เท่านั้นเอง
                การฝึกวันนั้น  จะเป็นการฝึกที่หนักเกินไป จะทำให้นักกีฬาตอบว่า  ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว  แสดงอาการเข็ดขยาดหวาดกลัว
                การฝึกในระดับความเข้มข้นที่เหมาะสม  จึงไม่ใช่การฝึกที่ดูดเอาพละกำลังไปจนเกลี้ยงเรือนร่าง  ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม  แผนโปรแกรมต้องอนุญาตให้ผู้ฝึกเหลือความสดไว้เป็นทุนกันบาดเจ็บอยู่บ้าง 
               ขณะเดียวกัน  การฝึกชนิดที่ทำได้สบายมาก  ผิวปากหวานหมู นั้นก็เบาไป  ถ้าคุณสามารถทำได้ในวันรุ่งขึ้นอีกครั้งและบ่อยๆ ต่อเนื่องกัน  อย่างนี้  ถือว่าโปรแกรมนั้นเบาเกินไปแล้ว  สมควรปรับแผนฝึกได้
               วิธีอีกประการหนึ่งที่จับสังเกตความน่าจะเข้าฝักของร่างกายแล้วก็คือ  จำนวนครั้งของการฝึกกระทำซ้ำ
                ถ้าหากฝึกหนัก  Session  นั้นกำหนดให้ฝึกสัปดาห์ละครั้ง  จำนวนของการแช่เย็นต่ำสุดไม่ควรต่ำกว่า 4 ครั้ง ในรอบ 4 สัปดาห์  และการแช่เย็นที่เกินกว่านี้ถือว่ายิ่งน่าจะได้ผลดียิ่งขึ้น  เช่นการแช่เย็นที่ 6 ครั้งย่อมจะต้องมีความหนาแน่นกว่า 4 ครั้งแน่นอน อย่างนี้เป็นต้น  การแช่เย็นนาน ผลที่เห็นได้แน่ชัดก็คือ  ความก้าวหน้าในการฝึกช้าลงตามส่วน  แต่ผู้เขียนกลับให้คะแนนนิยม  เพราะมันมิได้สูญเปล่า  กลับแลกเปลี่ยนกับความหนาแน่นมากจนอุ่นใจนั่นเอง 
               ตรงนี้  นักกีฬาจำนวนมาก  ประมาณตนเองไม่ค่อยถูก  ต้องเป็นโค้ชที่มากประสบการณ์  เห็นทะลุปรากฏการณ์ใต้เกลียวกล้ามเนื้อของเด็กที่ตัวเองดูแล อย่างปรุโปร่ง
                อีกทั้งแผนฝึกในวันรุ่งขึ้น หรือในอีก 2-3 วันถัดไป  ผู้ฝึกก็สมควรสังเกตปฏิกิริยาตอบรับของร่างกายว่า  หลังจากฝึกวันนั้นแล้ว  ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง  กับแผนฝึกใน  Session  ต่อๆมา  ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณเตือนต่างๆ  ให้ผู้ฝึกเป็นคนช่างสังเกตหน่อย และรีบไหวทัน  ให้จัดเซ็ทหยุดหรือพัก  หรือเลื่อนระงับ  Session  หนักนั้นไว้ก่อน  จนกว่าร่างกายจะ  Recovery  พร้อมแล้วถึงออกฝึกใหม่ได้
                หากจัดตั้งนิสัยระแวดระวังตัวเอง  อย่างไม่บ้าวิ่งตะพึดตะพือแล้วล่ะก็  เชื่อว่า  เราน่าจะเป็นนักวิ่งคงกระพัน  เพื่อนๆสหายในวงการให้สงสัยว่า  ซ้อมวิ่งก็หนัก  ฝีเท้าก็ดี  นี่คุณไม่เคยเกิดบาดเจ็บขึ้นบ้างหรือไง  คนอื่นเขาวิ่งช้าและวิ่งน้อยกว่าคุณยังเจ็บเป็นแถว
                จะเป็นอย่างนี้ได้ ก็ต่อเมื่อคุณเป็นนักวิ่งที่รู้จักปฏิเสธเป็น ไม่สนองตอบทุกโบรชัวที่ผ่านมา การออกรอบซ้อมประจำวันต้องแจ่มชัดลงไปในแต่ละวันนั้นว่า  จะฝึกอะไร และให้ทำตามนั้น  อย่าไปวิ่งตามเพื่อน  ตามคำชักชวน  เราเพิ่งมาถึงสนามซ้อม  เพื่อนเขาวิ่งมาตั้งหลายรอบแล้ว  ก็ไปวิ่งตามกับเขาเป็นกลุ่ม  ทั้งๆที่ความเร็วมันไม่เหมาะสม  เรายังไม่ได้วอร์ม  ไม่ควรไปเร็วเท่าเขา  เราต้องวอร์มของเราก่อน
                สิ่งเหล่านี้  พวกเราผิดพลาดกันมาก  มิตรสัมพันธ์ที่ดี  มิใช่การแห่ตามกัน  เวลาเจ็บ  ใครเขาจะมาเจ็บกับเรา  คบกัน  เสวนากันหลังวิ่งได้  แต่ยามฝึก  เรามีภารกิจตามโปรแกรมของตัวเอง  ถ้าหากตรงกัน  คล้ายกัน  ก็ไปกันได้  แต่ส่วนมากแล้วไม่ใช่  พยายามทำความเข้าใจประเด็นตรงนี้ให้ชัด  และจัดหาความเข้มของการฝึกที่พอดีให้เกิดกับตัวเองให้ได้  แล้วจะเป็นความภาคภูมิใจของตนเองในที่สุด

  22:55  น.
1  มกราคม  2549
ที่มา http://www.thairunning.com/hard_practice_balance.htmhttp://www.thairunning.com/hard_practice_balance.htm