วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 50 ปี 2566

ช่วงบ่ายนอนเยอะไปมัง ก่อนวอร์มอัพจึงรู้สึกเครียด แต่พอเริ่มวอร์มอัพไปสักพักก็เริ่มเข้าที่ ดริวแอนด์สไตร์ทเสร็จ พัก 6 นาทีจึงออกตัว 



สตาร์ทไปแบบนิ่มๆ ต่างกับ weekที่แล้วที่ออกตัวกระชากเกิน วิ่งไปสักพักไม่เหนื่อยเน้นตั้งสติ กำหนดจิตอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก สับไปเรื่อยไม่เร่งรีบจนถึงจุดพักจุดกลับตัวใช้เวลาไป 19 นาที 

พักเหนื่อย 1 นาทีครึ่ง ค่อยๆ วิ่งแบบคุ้มสติเหมือนเดิม วิ่งผ่าน 6k แล้วรู้สึกสบายกว่า week ก่อนมากมาย week ก่อนล้ามากในการวิ่งช่วงท้าย เข้าเส้นชัย 38.09 นาที ช้ากว่า weekก่อน 1 นาที แต่ pace วันนี้นิ่งกว่าเยอะ ขาไป 19 นาที ขากลับ 19 นาที (week 49 week ที่แล้ว ขาไป 17 นาที ขากลับ 20 นาที)






วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2566

เพื่อนปลุกพลังให้ในการบ้าน week 49 ปี 2566

 2 week ที่ผ่านมาเพื่อนชาวเนเธอร์แลนด์มาวิ่งด้วย เขาวิ่งเพซ 5 (ระยะทำการของเขา 5k) พอ week นี้เราต้องวิ่งคนเดียวอีกแล้วคิดไว้ว่าจะวิ่งเป็นไงน่ะ

ยืดเหยียดหลังนอนกลางวัน ไปเล่นน้ำทะเลพักหนึ่ง แล้ววอร์มอัพเติมรูปแบบ ดริวแอนด์สไตร์ท พัก 6 นาที 

พอออกสตาร์ทก็วิ่งตามความคุ้นเคย ผ่าน 500 เมตรแรกรู้สึกเหนื่อย หายใจถี่ ปรากฏว่า 1kแรก/pace 4.26  แม่เจ้า!!!??? วิ่งต่อไปเบาเครื่องลง ถึงจุดพัก 3.5k ใช้เวลา 17.09 นาที

พัก 1 นาทีครึ่ง ขากลับวิ่งคุ้มเพซจนผ่าน 5k เริ่มมีอาการล้า HR พุ่งแต่ก็ใช้การตั้งสติ กำหนดจิต ให้คิดถึงลมหายใจเข้าออก ส่วนขาก็ยกไปเรื่อย จนเข้า 500 เมตรสุดท้าย ร่างกายกลับมาเข้าที่ แต่ก็ไม่สปริ้นท์เข้าเส้นชัย

หลังวิ่งเสร็จผ่อนคลายไม่เหนื่อย ยืดเหยียดนาน โยคะสะพานโค้งได้ปกติ เย็นนี้ลมเย็นพัดกำลังดีช่วยชีวิตได้เยอะ

สรุป มีหัวลาก ก็ดีแบบนี้เอง





วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 47 กับ 48 ปี 2566

การวิ่ง 2 week นี้พิเศษกว่าทุกครั้งเพราะมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติชาวเนเธอร์แลนด์มาร่วมทดสอบด้วย เขาวิ่งที่บ้านเขาระยะทำการ 5k เพซ 5.00 วิ่งที่อุณหภูมิต่ำ 

การวิ่งครั้งแรกเขาวิ่งเพซปกติ 5.0 เราวิ่งตามเขาเหนื่อยซี่โครงบาน ปกติเราวิ่งเพซ 5.4-6.0 แต่ก็ผ่าน 3.5k ครึ่งทางแรกได้

ขากลับเขาช็อตที่ 6.3k เขาว่าหมดแรงคงพักผ่อนน้อย และเกินระยะทำการด้วย

การวิ่งครั้งที่ 2 ขาไปเหมือนเดิม เพซ 5.0 แต่ขากลับเขาวิ่งจบ 7kได้ แต่เพซลดเหลือ 5.4 เวลาที่ทำได้ 37.0 นาที ซึ่งน่าจะเป็น pb ของเราในระยะ 7k

สนุกดี

 การบ้าน week 47




การบ้าน week 48




วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 46 ปี 2566

 week นี้เข้ากรุงเทพฯ เยี่ยมลูกเมีย และหมอฟันนัดครบรอบ 4 เดือนอีกครั้ง ได้วิ่ง 3 วันติดโดยวันแรกวิ่งในหมู่บ้าน วันที่ 2 วิ่งที่สวนเทียนทะเล วันที่ 3 เป็นวันวิ่งทดสอบสมรรถภาพไปวิ่งที่สวนธนบุรีรมย์ถิ่นที่ซ้อมเก่า ทำเหมือนเดิมตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ทีเด็ดคือระหว่างวิ่งได้สไตร์ทในบางรอบ คล้ายเมื่อก่อนตอนวิ่งซ้อม interval 800 เมตรที่นี้ สนุกดี เหนื่อยดี อากาศเย็นวันนี้ 


วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 45 ปี 2566

 


ก่อนวิ่งฝนตก อากาศเย็นสบายกว่า week ก่อนๆ อย่างชัดเจน เหมือนเดิมวอร์มอัพเต็มรูปแบบ (แอบวอร์มยากขึ้น) แล้ว ดริล สไตร์ท 

ออกตั๋วไปไม่เหนื่อยหอบทั้งที่ผ่านโลแรก เพซ 5.30 วิ่งต่อไปให้เป็นแบบแอโรบิก ขากลับเบาเครื่องลงในโล 4 และ 5 เพซ 6.10 ก่อนจบเร่งความเร็วขึ้น เพซ 5.30 เร่งได้สบายไม่เหนื่อยเลย



วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 44 ปี 2566

 โยคะสำคัญมากสำหรับนักวิ่ง เราทำงานสวนทุกวัน เกิดความเมื่อยล้า แต่ถ้าได้นอนพักสัก 1 ชั่วโมงแล้วทำโยคะต่อ ร่างกายจะกลับมากระปรี้กระเปร่า ทำให้สามารถทำงานช่วงบ่ายเย็นได้ดีกว่าเดิม


ส่วนวันอาทิตย์เป็นวันวิ่งทดสอบสมรรถนะ ทำวอร์มอัพเต็มรูปแบบ แล้ว ดริล สไตรท์ก่อนออกตัว พอวิ่งเสร็จ ยืดเหยียดทำโยคะ มันช่วยทำให้เราไม่บาดเจ็บจากการวิ่งเร็วโซน Vo2Max แม้เราจะไม่ได้ซ้อมวิ่งเลยระหว่าง week 

วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 43 ปี 2023

 


วิ่งสัปดาห์ละครั้งก็ยังคงเป็นไปตามที่ได้รับผลตอบสนองต่อความรู้และประสบการณ์ในการวิ่ง อีเว้นท์นี้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนเมษายน week 25 ปัจจุบันยังคงปฎิบัติอยู่ ในสัปดาห์ทำสวนเดินในสวน ขุดดิน ถากหญ้า ดายหญ้า ทำอื่นๆ พอถึงวันอาทิตย์ 16:30 น. ออกไปทดสอบสมรรถภาพร่างกาย

วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2566

กาแฟดี ออกกำลังกายอึดขึ้น เบิร์นไขมันคล่อง

 23 ต.ค. 2566 – ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กาแฟดี..ทำให้อึดขึ้น 


ประโยชน์ของกาแฟ อีกประการ คือการออกกำลังอึดขึ้น (endurance performance) ทำให้ร่างกายมีการใช้ออกซิเจนได้มากขึ้นหรือที่เรียกกันว่า ค่า VO2 Max

ความอืด ยังขึ้นกับระดับของการออกกำลังที่ทำให้ระบบการหายใจต้องทำงานหนักขึ้น (Ventilatory thresholds) และขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อ (muscular efficiency) และความยืดหยุ่นปรับตัวของระบบเผาผลาญพลังงาน (metabolic flexibility) ให้พอเหมาะพอสมกับคลังที่มีอยู่หรือที่สะสมไว้ โดยมีโรงควบคุมการใช้พลังงานในระดับเซลล์คือตัวไมโตคอนเดรีย และขึ้นกับระดับของการออกกำลังที่ทำให้เกิดการเบิร์นไขมันมากที่สุด (MFO maximal fat oxidation) ที่เรียกกันว่า Fat max

ในช่วงเวลาเช้าหรือตอนพลบค่ำและกลางคืน จะมีความอึดน้อยกว่าในช่วงตอนบ่าย ตามค่า MFO และ Fat max

กาแฟเป็นสารอัลคาลอยด์ธรรมชาติ และจัดเป็นสารที่ช่วยเสริมคนออกกำลังหรือนักกีฬาให้ทนทานขึ้น และมีรายงานมากมายที่บ่งชี้ว่ากาแฟในขนาดอ่อนถึงเข้มข้น 3 – 9 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จะช่วยให้อึดขึ้นได้ในช่วงทุกระยะเวลาในการออกกำลัง

ถ้าออกกำลังในตอนเช้า แล้วจะให้ทั้งอืดและเบิร์นไขมันได้เยอะๆ ก็ดื่มกาแฟเข้มหน่อย ครึ่งชั่วโมงก่อนออก แต่ถ้าใครมีเวลาตอนบ่ายประมาณ 5 โมงเย็น ยิ่งถ้าได้กาแฟร่วมด้วย จะยิ่งทั้งอึดและเบิร์นไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นไปอีก.

ที่มา: https://www.thaipost.net/human-life-news/471209/

วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 42 ปี 2566

 


ที่นี่เพิ่งเริ่มต้นฤดูมรสุม อากาศเย็นชื้น ลมอ่อน วิ่งเสร็จเหงื่อออกเยอะมาก แต่สภาพร่างกายไม่เหนื่อยล้า ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและทำท่าสะพานโค้ง 3 ครั้งได้ตามปกติ

ส่วนการวอร์มอัพ ดริล สไตร์ท เต็มรูปแบบ เต็มที่เหมือนเดิม 

ออกตัวไปไม่แรง พอผ่าน 2k แล้วลองอัดเล่นได้ pace 5.0 เหนื่อยดี ถอนคันเร่ง 200 เมตรก่อนถึง 3k


วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 39 กับ week 41 ปี 2566

 


Week 40 ไม่ได้วิ่งเพราะป่วย มีอาการคล้ายจะเป็นไ

ข้หวัดใหญ่ มีเสมหะเยอะ ไอแห้งเจ็บหน้าอก เหม็นกลิ่นต่างๆ เมื่อยกล้ามเนื้อ ทำให้ต้องพักผ่อน 2-3 วัน พักงานสวน พักวิ่ง
พอถึงวันพุธรู้สึกดีขึ้น เริ่มทำงานสวนได้
วันอาทิตย์ก็เลยไปวิ่ง วอร์มอัพเต็มรูปแบบ เร็ว สไตรท์ ได้ดี 
ออกตัวแรงไป 2k แรก 10 นาทีครึ่ง ขากลับเลยหมดแรง กล้ามเนื้อเริ่มล้า กอรปกับวันนี้ไม่ค่อยมีลม วิ่งเสร็จเหงื่อเยอะมาก ยืดเหยียด ทำท่าสะพานโค้งได้ปกติ

วันอังคารที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 37 ปี 2566

 


วีคนี้เข้ากรุงเทพฯ มาถึงวันพฤหัสบดี เพื่อเยี่ยมลูกที่มอไซต์ล้มและฉลองวันเกิดแฟน วันศุกร์ต้องไปรับแฟนที่ออฟฟิศแถวพระราม 3 จึงถือโอกาสกลับมาเยือนถิ่นเก่าวิ่งเล่นที่สวนใต้สะพานแขวน (ชื่อทางการ: สวนฯเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ) กะวิ่งเล่นแต่ดันวอร์มอัพเต็มรูปแบบแล้วดริลแอนท์สไตรท พอออกตัวก็ไปแบบหายใจสบายๆ ไม่เร่งรีบ แต่เมื่อครบ 3 รอบพักกินน้ำรู้สึกเหนื่อย หยุดกระทันหันไม่ได้ วิ่งประคองจนได้ 9 รอบพอ ยืดเหยียดแล้วทำสะพานโค้งได้ปกติดี

วันเสาร์เดินสลับวิ่งกะลูก ส่วนวันอาทิตย์ช่วงแรกเดินสลับวิ่งกะลูก เสร็จแล้วจึงวิ่งทำการบ้าน 5k/32 min วีคนี้จึงได้ระยะทางรวม 19k

วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 36 ปี 2566

ได้มาอีกครั้งหนึ่ง เย็นนี้ไม่ร้อน เหมือนฝนจะตกแต่ยังคงไม่ตก สภาพอากาศแบบนี้ทำให้วอร์มอัพ และออกตัววิ่งได้ง่าย ไม่เครียด โดย 2k/13 min พอโลที่ 3 เร่งความเร็วขึ้นไปเป็น pace 5.30 ทำให้ 3โลครึ่งแรกใช้เวลา 21 นาที

หยุดพัก 1 นาที แล้ววิ่งขากลับออกตัวช้าๆ มาเร่งความเร็วตอนผ่าน 5k ไปแล้ว พยายามจะให้เวลาขากลับ 21 นาที และก็ทำได้ ยืดเหยียดแล้วทำท่าสะพานโค้งได้เหมือนเดิม



วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 35 ปี 2023

วอร์มอัพเต็มรูปแบบ ดริลแอนด์สไตรท ออกสตาร์ทตอน 17.10 น. โลแรกเพซ 6 สบายๆ พอผ่านโลสองโดนฝรั่งวิ่งแซง เปิดไนโตรเจนวิ่งตามด้วยความเร็ว 2k pace 5.25 และ 3k pace 5.0 แต่ก็ไม่ทัน ตามไปจนถึงจุดกลับตัวที่ 3kครึ่ง ส่วนฝรั่งวิ่งต่อไปตรงจุดสุดหาด 



ขากลับสับไปเรื่อย ปล่อยตามธรรมชาติ จนลงไปที่ 5k pace 6.24 จะเข้าเส้นชัยกลับมาเร่งความเร็วอีกครั้ง จบที่ 7k/40.45 min ขาไป 19 min ขากลับ 21 min

มันส์ดี ไม่ได้วิ่งแข่งเหนื่อยๆ แบบนี้นานแล้ว ยืดเหยียด สะพานโค้ง เสร็จแล้วกินอินทผลัมแก้หิว


วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 34 ปี 2566

 

วิ่งเสร็จเหนื่อยมาก week นี้ ตอนวอร์มอัพก็พอจะเห็นล่ะว่าแย่แน่วันนี้ โดยเฉพาะตอนดริลแอนท์สไตรล มันทำได้ไม่ค่อยดีและเหนื่อยล้าในแต่ละท่า 
สาเหตุน่าจะเกิดจากความล้าสะสมที่ขุดสระต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ติดกัน กอรปกับวิ่งตอน 16:00 น. แดดร้อน ถึงแม้อากาศไม่ร้อนอบอ้าว ลมพัดไม่แรง
โชคดีที่ลมทะเลยามนี้เย็นสบาย ช่วยฟื้นฟูร่างกายได้เร็ว ยืดเหยียด แล้วทำสะพานโค้งได้เหมือนเดิม


วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 33 ปี 2023

 

 ก่อนวอร์มอัพเกิดเมฆฝนขนาดใหญ่ก่อตัวแถวชายเขา สักพักก็เทลงมาอย่างหนักหน่วง หลังจากไม่ตกมาเกือบเดือน จนเกิดปรากฏการณ์แล้งในหน้าฝน


ฝนซ่าก็วอร์มอัพเต็มรูปแบบ ตามสูตร ต่อด้วยดริวแอนด์สไตรล จนพอใจจึงปล่อยตัว เส้นทางเดิม คนเดิม เวลาเดิม เหนื่อยเหมือนเดิม....

วีคหน้าเอาใหม่

วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 32 ปี 2023


 วีคนี้ร้อนทั้งวีค ฝนไม่ตกเกือบ 2 วีคแล้ว มี heat wave อ่อนๆ แต่ยังดีที่มีลมพัดแรงตลอด ไม่งั้นคง heat stroke รับประทานแน่ๆ กอรปกับเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับมั่วแต่ติดฟังรายการเรื่องเล่าตำรวจ 
ตลอดทั้งวันอาทิตย์จึงนอนผักผ่อนเพื่อออกวิ่งตอนเย็น


วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 29 ปี 2566

 วีคนี้เข้ากรุงเทพฯ มีนัดหมอฟัน และเยี่ยมเยือนลูกภรรยา เจอหมอฟันคนเก่งที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน เธอขูดหินปูนแล้วเกลารากฟัน ให้อย่างดี เหงือกจร้าอาการทรุดตัว ฟันไม่ผุเพิ่ม 



วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน Week 28 ปี 2023

 ไม่มีผลการวิ่งเป็นกราฟในวีคนี้ เพราะได้ทำ factory reset มือถือ พอติดตั้งแอฟ Zepp ใหม่ แอฟมันไม่อัพเดทข้อมูล record สุดท้าย (เป็นเหมือนคราวก่อนอีกล่ะ)

โชคดีที่แชร์ผลการวิ่งวันนั้นไปยังไลน์ลูกชาย จึงขอโหลดข้อมูลกลับมาใช้งานได้ตามรูปข้างล่าง

วันนั้นวิ่งได้ดี แม้ลมชายทะเลจะแรง อาจเป็นเพราะขุดสระน้ำในสวน ต้องยกดินไปเท เหมือนได้ทำท่า Squat ยกดินเป็นชั่วโมง



วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ส่งการบ้าน week 26 ปี 2023

 

 รู้สึกว่าวิ่งคราวนี้ ขณะวิ่งก็มีสมาธิรับรู้ความเจ็บปวดกล้ามเนื้อแฮมสตริง ทำให้ควบคุมท่าวิ่งได้ดี วิ่งนิ่งดี ตอนวิ่งเสร็จไม่เหนื่อย ฟื้นตัวได้เร็ว ยืดเหยียดปกติ ทำท่าสะพานโค้งได้เหมือนเดิม


วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ออกกำลังกาย’+‘โปรไบโอติก’ ช่วย ‘ระบบย่อยอาหาร’ ดีขึ้นอย่างไร

By เอื้อพันธุ์ l คอลัมน์ Eat Well19 มิ.ย. 2566 เวลา 13:49 น.216



การ ‘ออกกำลังกาย’ ทำให้ ‘ระบบย่อยอาหาร’ ดีขึ้น ช่วยย่อยสารอาหารให้ร่างกายนำไปใช้เป็นพลังงาน เมื่อบวกกับการกิน ‘โปรไบโอติก’ ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกัน ชะลอวัย และจิตใจที่แข็งแกร่ง

ระบบย่อยอาหาร เป็นระบบที่รวมอวัยวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการรับอาหาร โดยแปรรูปให้เป็นสารอาหารที่จำเป็น และดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย


รวมถึงการกำจัดเอากากอาหารที่ร่างกายไม่ใช้ออกจากร่างกาย ข้อมูลจาก American Society of Gastrointestinal Endoscopy (ASGE) ระบุว่าระบบทั้งหมดนี้มีความยาวประมาณ 30 ฟุต (9 เมตร)


งานวิจัย พบความเชื่อมโยงระหว่างการออกกำลังกายกับระบบการย่อยอาหาร ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพได้ด้วยอาหารที่มี โปรไบโอติก เมื่อระบบย่อยอาหารดี ทำให้ลำไส้แข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกัน ชะลอวัย รวมถึงสร้างเสริมให้จิตใจแข็งแกร่ง


อาหารไม่ดีส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร : อาหารอเมริกันส่วนใหญ่เป็นอาหารแปรรูปสูง ไขมันอิ่มตัว น้ำตาล และไฟเบอร์ต่ำ จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า อาหารประเภทนี้ช่วยลดแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในระบบ ทำให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้ยากขึ้น และเพิ่มการอักเสบทั่วร่างกาย


ส่งผลให้เกิดการผลิตสารอักเสบในลำไส้ ไม่เพียงเท่านั้นยังทำให้เกิดการอักเสบตามระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ส่งผลต่อการทำงานของสมอง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะขัดขวางสมรรถภาพทางกีฬาและการฟื้นตัว


ออกกำลังกายเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหารอย่างไร : งานวิจัยบ่งชี้ว่า การเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ไม่ดีในร่างกาย ช่วยให้ระบบการย่อยอาหาร (Digestive system) ดีขึ้น ช่วยในการดูดซึมสารอาหารที่ร่างกายต้องการได้ดีขึ้น


ปัจจุบัน นักกีฬาเริ่มมองหาอาหารคุณภาพ เพื่อส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร เมื่อระบบย่อยอาหารดีก็จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการเล่นกีฬาได้ดีขึ้น


ระบบย่อยอาหารที่ดีเพิ่มประสิทธิภาพให้นักกีฬา ดังนี้


1   ลดการอักเสบ : การอักเสบเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังหลายชนิด การศึกษาพบว่า การปรับสมดุลไมโครไบโอม (Microbiome - จุลินทรีย์ที่อยู่ในร่างกายและอยู่บนผิว) ช่วยลดการอักเสบของระบบ ซึ่งช่วยบรรเทาทั้งระยะสั้นและลดความเสี่ยงในระยะยาว


คำแนะนำคือ กินอาหารที่มีโปรไบโอติก หรือจุลินทรีย์ที่ดี ช่วยลดการอักเสบ และพรีไบโอติก แหล่งอาหารของโปรไบโอติก


2   ช่วยเพิ่มระดับพลังงาน : การผสมผสานของแบคทีเรียที่เป็นมิตรในไมโครไบโอมอาจช่วยเพิ่มระดับพลังงานได้ อันเป็นวิธีทางชีวเคมีในร่างกายในการจัดเก็บและขนส่งพลังงาน ถ้าในลำไส้มีโปรไบโอติกเพียงพอจะส่งผลต่อระบบเผาผลาญ และช่วยให้นักกีฬาลำเลียงสารอาหารที่จำเป็นไปยังเซลล์ร่างกาย


3   ปรับปรุงความแข็งแกร่งทางจิตใจ : นักกีฬาและโค้ชมักให้เหตุผลว่า ผลงานที่แย่ในการแข่งขันเกิดจากการคิดมากเกินไป งานค้นคว้ายุคใหม่บอกว่า เพราะจุลินทรีย์ในลำไส้พูดคุยกับสมองผ่านเส้นประสาทเวกัส ซึ่งควบคุมการทำงานของอวัยวะภายใน เช่น การย่อยอาหาร อัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราการหายใจ


การศึกษาบางชิ้นแนะนำว่า ลำไส้อาจส่งผลต่อความคิดและสมาธิ ในบางกรณีเมื่อจุลินทรีย์ในลำไส้ไม่สมดุล แสดงว่ามีส่วนทำให้เกิดอาการป่วยทางจิต เชื่อมโยงต่อความรู้สึกวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า


4   ช่วยการนอนหลับดีขึ้น : ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้ มีส่วนสัมพันธ์กับคุณภาพการนอนหลับ และการรับรู้ที่ลดลง เนื่องจากระบบย่อยอาหารควบคุมระดับการทำงานของฮอร์โมนต่าง ๆ เช่น คอร์ติซอล เซโรโทนิน และกาบา ซึ่งส่งผลต่อการนอนหลับ และการสร้างเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่มีความสำคัญต่อวงจรการนอนหลับ และการตื่นที่ดีต่อสุขภาพ


5   ระบบป้องกันสารต้านอนุมูลอิสระดีขึ้น : นักกีฬาต้องการระบบภูมิคุ้มกันที่ดี เพื่อให้พวกเขาสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้อยู่ในจุดสูงสุดของเกม ประมาณ 70-80% ของเซลล์ภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นในลำไส้ ดังนั้นความสมดุลในไมโครไบโอมจึงเป็นระบบที่ทรงพลังที่ร่างกายใช้สำหรับเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระเพื่อให้มีสุขภาพดี


แม้ไม่ได้เป็นนักกีฬาแต่หากออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็จะได้ผลลัพธ์เสมือนนักกีฬา สุขภาพโดยรวมดีขึ้น พร้อมจิตใจที่แข็งแกร่ง


ดังคำกล่าวว่า “สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่ลำไส้”


โปรไบโอติกและพรีไบโอติก : ระบบการย่อยอาหารที่ดี ต้องมีตัวช่วยคือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ หรือโปรไบโอติก (Probiotics) ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ก่อโรคในลำไส้ ลดการอักเสบและอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ท้องเสีย ท้องอืด แน่นท้อง ป้องกันมะเร็งลำไส้ ช่วยในการดูดซึมอาหาร เพิ่มภูมิคุ้มกัน


การมีโปรไบโอติกเพียงพอในลำไส้ ช่วยลดการเกิดโรคต่าง ๆ แหล่งอาหารที่มีโปรไบโอติก ได้แก่ อาหารผ่านกระบวนการหมัก เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต กิมจิ มิโซะ คอมบูชา ขิงดอง


พรีไบโอติก (Prebiotics) เป็นอาหารของโปรไบโอติก ช่วยให้โปรไบโอติกแข็งแรง


แหล่งอาหารที่มีพรีไบโอติก ได้แก่ น้ำนมแม่ ผักผลไม้ที่มีกากใยสูง กล้วย แอปเปิ้ล หอมหัวแดง กระเทียม ถั่วเหลือง ถั่วชิคพี ถั่วแดง พิสตาชิโอ้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ขนมปังโฮลวีต ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ แก่นตะวัน


อ้างอิง : Herba Life Thailand, health2click.com, theptarin.com

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/food/1074126