แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ประโยชน์ของการวิ่ง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ประโยชน์ของการวิ่ง แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2562

วิ่ง | 30 นาที สู้ความเครียด ลดความซึมเศร้า

เครียด... ยิ่งกินเหล้า ก็ยิ่งเครียด ก็ยิ่งจน. นักจิตวิทยาบอกว่าวิธีแก้เครียดที่ดีกว่าเหล้าบุหรี่คือ #วิ่ง

นักจิตวิทยาด้านกีฬาชื่อดังในลอนดอน ดร.วิคเตอร์ ทอมป์สันให้คำแนะนำวิธีสลัดตัวเองจากความเครียด คลายความวิตกกังวลที่ได้ผล ด้วยการวิ่งต่อเนื่องครั้งละ 30-45 นาที ให้ได้สัปดาห์ละ 3 ถึง 4 วัน 
การวิ่งช่วยตัดวงจรความคิดในแง่ลบได้ดี เพราะขณะที่วิ่งจะบีบให้ความคิดจดจ่ออยู่กับลมหายใจ ความเหนื่อย กล้ามเนื้อที่ออกแรง ภาวะนี้ช่วยให้ลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เคยโกรธ เครียด หรือขุ่นมัวเรื่องงานหรือเรื่องเครียด

ผลของการวิ่งด้วยปริมาณและความถี่เท่านี้ เพียงพอที่ช่วยให้คุณพบความสงบ และรับมือกับความวิตกกังวลได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า อาการวิตกจริต และอีกหลายอาการที่มาพร้อมความกังวล

นอกจากการวิ่งจะดีต่อ “ภายนอก” เช่น รูปร่าง น้ำหนักตัว การวิ่งยังดีต่อ “ภายใน” ให้ความสบายใจ ปลอดโปร่ง 

ปัจจุบันแนวโน้มของการวิ่งเพื่อ “บริหารและบำบัดความรู้สึกภายในจิตใจ” หรือ DRT-Dynamic Running Therapy กำลังเป็นที่สนใจของนักวิ่งในตะวันตก เพราะผู้คนอยู่ในภาวะ “เครียดง่าย” “เครียดนาน” มีความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว 

ผลวิจัยใน Dynamic Running Therapy เสนอทางออกว่า ผู้ที่รู้ตัวว่ากำลัง “วิตกกังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่ง” ให้ลองหันมาดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายการวิ่งจ็อกกิ้ง (วิ่งเบาๆ ช้าๆ ฟินน์ๆ) ครั้งละ 30-45 นาที เช่นกัน เพราะ จะช่วยให้คุณมีอารมณ์ที่มั่นคง ไม่แปรปรวนง่าย และรับมือกับเรื่องความวิตกกังวลในชีวิตได้ดีขึ้นอย่างรู้สึกได้

บทความนี้อนุญาตให้แชร์ได้ตามสะดวก

#วิ่งไปด้วยกัน #แข็งแรงไปด้วยกัน #อยู่รักกันไปนานๆ ❤️

#ThaiRun
| เพจแรกที่นักวิ่งเลือก

อ้างอิง : 
sportspsychologist.com
dynamicrunningtherapy.co.uk

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2561

“การวิ่ง” สร้างมิตรภาพ

เพื่อนๆ คงรู้สึกถึงพลังบวกได้เวลาไปวิ่งที่สวนหรือตามงานวิ่ง ที่มีคนมาวิ่งเยอะๆหรือวิ่งเป็นกลุ่ม การสนทนาระหว่างนักวิ่งมักเต็มไปด้วยความสนุกสนาน คุยกันแบบอารมณ์ดี ทุกคนดูเป็นมิตรมีไมตรีจิตให้กันและกัน ดูเป็นสังคมที่เป็นมิตรน่าคบหาสมาคมด้วย 

ส่วนหนึ่งก็เพราะการวิ่งทำให้เราอารมณ์ดีนั่นเอง เพื่อนๆเคยรู้สึกมีความสุข สดชื่น อาจเรียกได้เรียกว่า “อารมณ์ดี๊ดี” เวลาได้ออกกำลังกายไหม อาการฟินแบบนี้เรียกว่า “Runner’s High” อาการแบบนี้จะเกิดก็ต่อเมื่อได้ออกกำลังกายต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ซักระยะหนึ่งจนกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกลไกหลั่งสารออกมา 2 ตัวคือ Endorphins กับ Endocannabinoids 


Endorphins นั้น ทำให้เราอารมณ์ดี แต่มีหลักว่าต้องออกกำลังกายจนถึงในระดับที่ร่างกายรู้สึกถึงความลำบาก (Discomfort) แต่ต้องไม่ลำบากจนเกินไป (Hard…But not too hard) ส่วน Endocannabinoids (eCBs) นั้น สังเกตว่า Cannabinoid ตัวนี้มาจาก Cannabis หรือกัญชา นี่ล่ะ เพราะเมื่อออกกำลังกายมากๆเข้าร่างกายเราจะสังเคราะห์สารในกลุ่มเดียวกับสารที่ได้จากการเสพกัญชาทำให้เรามีความสุข ลดความเครียด ความกังวลต่างๆ มีงานวิจับพบว่าการออกำลังกายในตอนเช้าจะให้ eCBs มากกว่าตอนกลางคืนถึง 3 เท่า ดังนั้นถ้าเป็นไปได้...ตื่น
.
#WingNaiDee #วิ่งไหนดี

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2561

วิ่งเพื่อวิ่ง | บทสนทนาสองหนุ่มนักวิ่งเรื่องจอมบึงมาราธอน

เมื่อข้าวในจานหมดลง บทสนทนาของนักวิ่งสองคนบนโต๊ะอาหารมักเป็นเรื่องวิ่ง
“เป็นไงมั่งพี่ ไปวิ่งจอมบึงมา”
“จะเป็นไงวะ ก็ไปวิ่งมา ก็ดี คำถามคือไรวะ”

“เห็นมีคนบ่นเรื่องเหรียญโอ่ง มีดราม่าเรื่องเสื้อฟินิชเชอร์”
“เฮ้ยแอด เอ็งก็วิ่งมาหลายปีนะ ถามหน่อย เราวิ่งกันทำไมวะ? ทุกวันนี้ เราวิ่งเพื่อวิ่ง วิ่งเพื่อสุขภาพเรา เราชวนคนที่เรารักไปวิ่ง เพราะเราอยากให้เค้าแข็งแรง”

พี่แกหยุดนิดนึง. คงเห็นผมอึ้ง มันใช่! #วิ่งเพื่อวิ่ง คำนี้โดนเต็มๆ ขอไฮไลท์ไว้เลย

“ถ้าแกจ่ายตังค์แล้วได้เหรียญสวยเสื้อดีแต่ไม่ต้องวิ่ง แกจะขับรถมาราชบุรีมาเอามะ?”
“ไม่ไปครับพี่ ผมไม่ได้ขับรถไปซื้อเหรียญกะซื้อเสื้อนะ”

“exactly หว่ะ แอด!” (แปลว่าอะไรวะ exactly ของแก) “เหรียญเค้าแจกให้เป็นที่ระลึก มันไม่ใช่สินค้า เราวิ่งเพราะเราอยากวิ่ง พอเราวิ่งจบ เค้าก็แจกเหรียญ เราก็ดีใจ จะเหรียญอะไรก็ตาม ก็ขอบคุณนะ. พออีก 10 ปีพอเราเห็นเหรียญนี้ เสื้อฟินิชเชอร์ตัวนี้ มันจะทำให้เราระลึกถึง race นี้. แกเข้าใจคำว่าที่ระลึกมะ? มันเอาไว้ระลึกถึงกัน เค้าจะแจกอะไรมา ความเห็นส่วนตัวนะ พี่ว่ามันไม่ต่างกัน”

พี่แกยิ้มนิดนึง

“เผลอๆนะเว้ย ไอ้เหรียญโอ่งที่ให้มา อีก 10 ปีให้หลังจากนี้ มันอาจจะทำให้พี่ยิ้มมากกว่าเหรียญโลหะเหรียญอื่นๆก็ได้นะ”

หยุดพูดนิดนึงแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม

“คือมันมีเรื่องราวแง มันเป็นสัญญลักษณ์ เอาไว้ให้เราจดจำเรื่องราว... นึกดูนะ อีก 10 ปีจากนี้ พอเราเหลือบไปเห็นมัน เราจะนึกได้ว่า ครั้งนึงเมื่อสิบปีที่แล้ว ไอ้เรซเก่าแก่เรซบ้านๆเรซนี้ มันคิดได้ไงอะที่แจกเหรียญโอ่ง”

“จริงๆ นี่คือเสน่ห์ของจอมบึงนะ พี่วิ่งที่นี่มา 4-5 ครั้ง ต้นปีใหม่ทีไรจะต้องมาจบจอมบึงให้ได้ เป็นสนามเบิกฤกษ์ เป็นสนามวิ่งที่มีจิตวิญญาณของการวิ่ง มีคนหลายแสนคนก่อนหน้าแกวิ่งผ่านเส้นทางนี้ไปแล้ว จิตวิญญาณของจอมบึงมันอยู่ตรงนั้นอะ”

“สมมุติบอสตันให้ตั๋วแกไปวิ่งโดยยังไม่โชว์เหรียญก่อน แกจะไปมะ?”
“ไปสิครับพี่ แน่นอนเลย”

“เห็นมะ สนามที่มีจิตวิญญาณของนักวิ่งนับล้าน มันมีพลังดึงดูดนักวิ่งให้ไปหาอยู่แล้ว แกต้องจ่ายค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่ากิน รวมเป็นแสน ต้องนั่งเครื่องบิน 24 ชั่วโมง เพื่อไปวิ่ง!. มันคืออะไร? มันคือจิตวิญญาณของการวิ่งเว้ย!”

รู้สึกว่าพี่แกจะอินมากกับคำนี้ จิตวิญญาณของสนาม

“สนามที่มีคนวิ่งนับล้านก่อนหน้าแก พลังบวกที่คอยผลักดันให้คนเหล่านั้นเอาชนะใจตัวเอง มันลอยอยู่ตรงนั้น - เรซที่เค้าวิ่งกันมาร้อยกว่าปี ผู้จัดอาจจะเปลี่ยนหรือตายกี่รอบแล้ว แต่เรซมันยังอยู่ เหรียญถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง แต่เรซมันก็ยังอยู่ - วิญญาณของสนามมันอยู่ที่สนาม ไม่ใช่เหรียญ”

แกยิ้มกว้างกว่าเดิมอีกทีนี้ คงเห็นผมพยักหน้าหงึกๆตั้งใจฟังอย่างดี

“ถ้าจะให้พี่วิจารณ์เรซนี้ ว่ามันพลาดตรงไหน? ส่วนตัวนะ พี่ว่าเรื่องเดียวที่มันพลาดคือ มันเผลอ! มันเผลอความคิดไปทำตามกระแสนิยม ว่างานวิ่งดีต้อง มีเหรียญดี เสื้อสวย อาหารอร่อย ยิ่งหลังๆก็มี เพซเซอร์อึ๋ม เพิ่มเข้ามาอีกกระแส. เรซใหม่ๆ เค้าต้องค่อยๆสะสมจิตวิญญาณของสนาม การเอาจุดขายอื่นๆมานำเสนอให้นักวิ่ง เสื้อสวย เหรียญดี อาหารเพียบ เพซเซอร์อึ๋ม ก็ทำถูกต้องแล้ว เรซหน้าตาดี ก็ดึงดูดนักวิ่งให้มาลองสนามนี้ก่อน ถ้างานเค้าจัดดี สนามนั้นก็ยิ่งค่อยๆมีจิตวิญญาณของมาราธอนมากขึ้นมาทุกๆปี

จะเล่าให้ฟังเรื่องนึง
แกรู้มั้ยว่า จอมบึงมันใช้ไม้แขวนเสื้อพลาสติกโลว์ๆ แขวนโชว์เสื้อฟินิชเชอร์บนราวตากผ้า ราวก็ทำจากเชือกกระสอบมีกระดาษสองใบ พิมพ์คำว่าเสื้อ Finisher มาแปะสก้อตเทปไว้ข้างๆ. ไม่ได้มีหุ่นมาใส่โชว์เสื้อ พี่เห็นแล้วพี่อมยิ้มนะ. ว่ามันบ้านๆได้ใจจริงๆ 5555 นี่มันเสื้อฟินิชเชอร์เลยนะเว้ย. แขวนกันแบบนี้เนี่ยอะนะ. แต่นี่แหล่ะคือเสน่ห์ของจอมบึง.

มันเหมือนแกไปเที่ยวปาย คนชงกาแฟสด นุ่งผ้าถุงอุ้มลูกมาชงกาแฟอะ. มันคือเสน่ห์ของปาย เสน่ห์ของความบ้านๆ ถ้าแกมาปาย แล้วแกเห็นสตาร์บั๊คส์ มันจะใช่ปายเหรอวะ?

จริงๆ ไอ้เหรียญโอ่ง ถ้วยรางวัลโอ่ง อันนี้ก็เกิดจากความคิดบ้านๆ พี่ว่ามันมีเสน่ห์นะ ยิ่งถ้าปีหน้า มันไม่แจกเหรียญโอ่งอีกแล้ว พี่ว่าเหรียญโอ่งปีนี้จะกลายเป็นตำนาน มันจะเป็นเหรียญมีค่า ที่ทำให้ทุกคนอิจฉาเลย 555”

“ปีนี้เห็นผลการโหวต 2017 บอกว่า จอมบึง ไม่ติด 1 ใน 10 ของมาราธอนที่ดีที่สุดในประเทศ”
“ต่างคนต่างความคิด เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะชอบสนามไหน สนามดี คนชอบ เค้าก็โหวตว่าดี ก็ถูกต้องแล้วนี่หว่า - เรื่องผลการโหวตนี้เป็นเรื่องดีนะ เป็นการสะกิดจอมบึงนิดนึง ว่าการจัดงานวิ่งสมัยนี้ เค้าต้องสื่อสารให้กับนักวิ่งผ่านสื่อโซเชียลให้มากกว่านี้ ให้ชัดเจนขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่รอรับฟังข่าวสารอยู่บนนั้น - แต่แกไม่ได้ทำเพจ แกจะรู้อะไรแอด.”

“อะ..เอิ่ม..ครับพี่”
“คำถามเดิม ถ้า London หรือโตเกียวถูกตัดจาก World Marathon Majors ไม่ติดอันดับผลโหวตชื่นชอบจากคนทั่วโลก พี่ถามว่า แกยังจะไปอยู่มะ?”

“ไปดิครับ มันเป็นความฝันของผมนะ ที่จะได้วิ่งในสนามพวกนี้”

“Exactly!” (มันมาอีกแล้วคำนี้) “เป็นสิทธิ์ของแต่คนที่จะชอบสนามไหน ไม่มีถูกไม่มีผิด แต่ #สนามที่เราวิ่งแล้วทำให้เรามีพลัง #สนามนั้นมันจะดึงดูดเราไปเอง เค้าจะแจกเหรียญเป็นโอ่ง เป็นอ่าง หรือจะเป็นใบไม้ ก็ขอบคุณนะ อะไรก็ได้เอามาเหอะ ข้าก็มาวิ่งอยู่ดี”

“ใช่ครับพี่! Exactly เลย” (มันแปลว่าอะไรไม่รู้อะ กรูพูดมั่ง)
“เอ่ออ..พี่..ที่เราคุยกันวันนี้ มันดีมากเลยนะ ผมเอาไปลงเพจนะ ผมอัดเสียงไว้แล้ว ให้คนอื่นอ่านด้วย. ขอ.”

“อ้าว @#$%# ละ ไม่บอกกรูล่วงหน้าเลยนะมรึง ดีว่ากรูไม่ด่าไปเยอะ 5555 เออ..ได้.. งั้นมื้อนี้เอ็งเลี้ยงก็แล้วกัน”

#วิ่งเพื่อวิ่ง ฮะ
เสียตังค์เลี้ยงข้าว แล้วได้คำนี้มา!
คุ้มเป็นที่สุด. สุดยอดมาก ขอเก็บไว้เลย.


#ThaiRun
The Thailand’s Running Media
เพราะความสุขของนักวิ่ง คือเรื่องใหญ่ของเรา

#CBM2018 | #จอมบึงมาราธอน

ที่มา : https://www.facebook.com/thaidotrun/photos/a.1694377410849702.1073741828.1658834907737286/2033836933570413/?type=3

วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

จากประสบการณ์ของผมโดยตรงน่ะคับ


เนื่องด้วยในทุกวันนี้สังเกตุได้ว่า การจัดแข่งขันวิ่งมาราธอนในบ้านเรา เกิดขื้นมากมาย หลายสนาม มากจนถึงในบางอาทิตย์ มีรายการแข่งมาราธอนมากกว่า 2-3 รายการก็มี และก็มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหน้าเก่า ใหม่เพิ่มขื้นเป็นหลายๆเท่าเมื่อเทียบกับ 4-5 ปีที่แล้ว ซึ่งบางทีผมยังงงเลยว่า หลายๆท่านวิ่งได้งัยในระยะมาราธอน ได้แทบจะทุกอาทิตย์ และที่สำคัญบางท่าน พึ่งจะเริ่มเข้ามาซ้อม ผ่านการแข่งขัน ในระยะมินิ และฮาฟเพียงไม่กี่สนาม ก็กระโดดขื้นมาแข่งในระยะฟูลมาราธอนกันแล้ว.อาจจะเพราะหลายๆเหตุผลที่ทำให้ท่าน ได้ตัดสินใจลงวิ่งน่ะคับ และในวันนี้ เหตุที่ผม จะออกมาแชร์ประสบการณ์ตรงจากตัวผมเองน่ะคับ เหตุผมสำคัญก็เพราะเป็นห่วงสิ่งที่จะตามมาในอนาคต ผมจะพูดถึงผลกระทบในทางลบน่ะคับ #ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีใครอยากให้มันเกิดขื้นน่ะคับ คือนักวิ่งบางส่วนอาจจะไม่ทราบ เกี่ยวกับผลกระทบของการวิ่งมาราธอน คือผมจะยกตัวอย่างพวกผมนักกีฬามาราธอนทีมชาติ กว่าที่พวกผมจะตัดสินใจวิ่งมาราธอนสนามแรกนั้น ผมใช้เวลาไต่ระยะจาก 5 โล 10 โล จนถึงฮาฟ 21 โล (ผมขออนุญาติใช้คำสั้นๆที่เข้าใจง่ายน่ะคับ) คับใช้เวลาอยู่นาน ในการสะสมความแข็งแรง ประสบการณ์ และอีกหลายๆ อย่าง อยู่ไม่ต่ำกว่า 7-8 ปี จนผมมั่นใจว่าผมสามารถจบมาราธอนได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ทรมาน ผมถึงตัดสินใจลงมาราธอนงานแรก ซึ่งสนามแรกที่ผมลงแข่งคือพัทยามาราธอน ผมทำเวลาในฟูลแรกของผมครั้งนั้น จบที่ 2ชั่วโมงกับ 33 นาทีซึ่งก็ถือว่าเป็นเวลาที่ดีทีเดียว และผมใช้เวลาเตรียมร่างกายเพื่อลงสนามถัดมาอยู่ราวๆ 3-4 เดือนถึงจะตัดสินใจลงมาราธอนรายการถัดมาคับ จากวันนั้นถึงวันนี้ผมก็ยังสามารถลงมาราธอนได้เรื่อยๆ อาจจะมีบาดเจ็บหรือปัญหาอื่นๆบ้าง #ก็แล้วแต่เหตุผลของตัวแปรอื่นๆ ที่ทำให้เราวิ่งดีและไม่ดีในหลายๆสนาม..แต่สิ่งสำคัญ ที่ผมกำลังจะบอกและเป็นห่วงคือ อยากให้หลายท่านที่กำลังคิดจะลงมาราธอน อยากให้มีการเตรียมตัวให้ดี ถ้าต้องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ และมีความสุขกับมัน สามารถวิ่งได้นาน อย่างมีความสุข ก็ควรคิดวางแผนการซ้อมให้ดีๆแล้ว ท่านจะสามารถวิ่งได้นานๆ และที่สำคัญวงการวิ่งมาราธอนจะสามารถเติบโตได้อย่างถาวร เพราะกีฬาวิ่งคือสิ่งที่พวกเรารัก

วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Runner skill tree

ว่ากันว่า นักวิ่งนั้นส่วนใหญ่เกิดจาก ผู้ที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ด้วยแรงบันดาลใจที่ต่างกัน

แต่ตัวนักวิ่งเอง ก็มีหลายประเภทอยู่เช่นกัน เกิดจากการพัฒนาตัวเองไปทีละระดับ ๆ จนก่อเกิดเป็นนักวิ่งหลายแขนง หลายแบบ

แอดมินเองก็เริ่มจากคำสั้น ๆ คำเดียวครับ "อ้วน" แอดมินก็เลยเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการเป็นนักวิ่งฝึกหัด ค่อยๆ ปรับระดับเป็นนักวิ่งหน้าใหม่ จนปัจจุบัน เป็นนักวิ่งสายกลางได้แล้ว

(แต่ก็ยังเป็นประเภท วิ่งเอากล้องด้วยเหมือนกัน 555+)

แล้วนักวิ่งผู้น่ารักท่านอื่นละครับ ? เป็นนักวิ่งประเภทไหนกันเอ๋ย
CR: CMU Marathorn

วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2560

ประโยชน์ 108 จากการวิ่ง

พอเราวิ่งมาได้ซัก 1 ปีครึ่ง ก็เริ่มคิดถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการทุ่มเทให้กับการวิ่ง พอแยกแยะได้ดังนี้

  1. วิ่งทำให้สุขภาพแข็งแรง
  2. วิ่งทำให้มีความสุขทางกายทางใจ
  3. วิ่งทำให้สดชื่นกระปรี้กระเปร้า
  4. วิ่งทำให้ไม่เป็นโรคไม่เรื้อรัง
  5. วิ่งทำให้กินอาหารมีประโยชน์
  6. วิ่งทำให้ได้ไปเที่ยว (เมื่อก่อนไปเที่ยวเรื่อยเปื่อย ตั้งแต่วิ่งจะไปไหนต้องมีงานวิ่งพ่วงจึงจะพากันไป)
  7. วิ่งทำให้ประหยัด (ไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหาร เครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่นเหล้า เบียร์ ขนมหวาน)
  8. วิ่งทำให้ได้เพื่อนใหม่
  9. วิ่งทำให้เท่ หล่อ Handsome
  10. วิ่งวันนี้ทำให้ได้วิ่งวันต่อๆ ไป
  11. วิ่งทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น
  12. วิ่งทำให้รู้จักการอดทน
  13. วิ่งทำให้มีน้ำใจนักกีฬา
  14. วิ่งทำให้ชะลอความแก่ ลืมแก่
  15. วิ่งทำให้ไม่กลัวความตาย
  16. วิ่งทำให้อยากให้ถึงวันต่อไปที่จะได้วิ่ง
  17. วิ่งทำให้รู้จักการวางแผน
  18. วิ่งทำให้คนครอบครัวได้วิ่งด้วย
  19. วิ่งต้านมะเร็ง
  20. วิ่งเพื่อกระดูก
  21. วิ่งทำให้เส้นผมกลับมาดกดำ
  22. วิ่งสมาธิ
  23. วิ่งหนีหมอ
  24. วิ่งอนุรักษ์ธรรมชาติ
  25. วิ่งทำให้ sex ไม่เสื่อม
  26. วิ่งสร้างงาน
  27. วิ่งเพื่อมิตรภาพ
  28. วิ่งเพื่อเอาชนะ
  29. วิ่งเสรีชน
  30. วิ่งล่ารางวัล
  31. วิ่งล่าฝัน
  32. วิ่งตามฝัน
  33. วิ่งหาแฟน
  34. วิ่งสู้ฟัด
  35. วิ่งชมวิว
  36. วิ่งไปได้ไกลขึ้น
  37. เดินวิ่งปั่นป้องกันอัมพาต
  38. วิ่งทำให้ได้แต่งตัวสวยๆ
  39. วิ่งทำให้ได้ตากแดด
  40. วิ่งทำให้ตื้นเต้น ตื่นตัว
  41. วิ่งทำให้ติดวิ่ง (สารเคมีเอ็นโดรฟิน)
  42. วิ่งทำให้ได้เข้าสังคมดีๆ
  43. วิ่งทำให้ได้ขึ้นเครื่องบิน
  44. วิ่งทำให้ลดความเครียด

วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ออกกำลังกายกระตุ้นพลังสมอง

การออกกำลังกายเป็นธรรมชาติที่อยู่คู่กับมนุษย์มาหลายล้านปี การออกกำลังกายช่วยลับสมองให้เฉียบแหลม โดยเพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงสมอง ทำให้มีออกซิเจนและน้ำตาลไปป้อนเซลล์สมองให้ทำงานได้ดีขึ้น และยังเพิ่มการหลั่งสารโปรตีนซึ่งช่วยให้เกิดการสร้างเซลล์สมองใหม่ บำรุงเซลล์สมองให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังมีหลักฐานงานวิจัยที่ยืนยันว่า การออกกำลังกายยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาโครงการสร้างสมองและการหลั่งสารเคมีหลายชนิด ช่วยให้มีสุขภาพจิตดี ดังนี้

  1. ลดภาวะซึมเศร้า สามารถใช้บำบัดโรคเซึมเศร้าแทนยาด้านซึมเศร้าได้
  2. รักษาภาวะสมองเสื่อม
  3. ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ การออกกำลังแบบแอโรบิก เช่น วิ่งเหยาะ เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ฯลฯ เพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง สามารถป้องกันโรคนี้ได้ถึงร้อยละ 60
  4. ช่วยให้สมาธิดี
  5. ส่งเสริมความจำระยะยาว
  6. ช่วยการคิดอย่างมีเหตุมีผล
  7. ส่งเสริมเชาวน์ปัญญาในการแก้ปัญหา
สำหรับคนทั่วไป การเดินเป็นการออกกำลังที่ง่าย ราคาถูก และปลอดภัย สามารถสอดแทรกในวิถีชีวิตประจำวัน เช่น เดินไปทำงาน ไปโรงเรียน ไปวัด เดินขึ้นบันได เป็นต้น

ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560

วิ่งต้านมะเร็ง

การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ดีชนิดหนึ่ง ทำให้หัวใจมีสมรรถภาพและระบบการไหลเวียนเลือดดี อวัยวะทุกส่วนของร่างกายทำหน้าที่ได้ดี มีภูมิต้านทานโรค ลดความเสื่อมของเซลล์ จึงเป็นการชะลอวัยและป้องกันหรือลดการเป็นมะเร็งได้
คุณปลา ปนิตา ตันติวัฒนวัลลภ สาวนักวิ่งผู้ไม่ยอมแพ้ต่อมะเร็ง เธอได้รับกำลังใจอย่างดีจากคนในครอบครัว ทุกวันนี้เมื่อสู้กับโรคร้ายจนหายขาด เธอก็กลับมาวิ่งเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีต่อไป บทสัมภาษณ์ เมื่อ 16 ก.ย. 59

คุณสายปัญญา ตันวิไล ผู้ไม่เคยท้อต่อโรคภัยที่รุมเร้า ป้าตุ๊กซ้อมวิ่งทุกช่วงเย็นที่สวนลุมพินี จนได้ฉายา ป้าตุ๊ก 8 รอบ (สวนลุม) แถมยังลงแข่งวิ่งมาราธอนจนได้รับรางวัลมากมาย บทสัมภาษณ์ป้า เมื่อ 3 ส.ค. 59

คุณหมอผู้ชนะมะเร็ง "หนุ่มน้อยจากไร่มะขามเปรี้ยว" สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก จากสหรัฐอเมริกา และ รัสเซีย แต่กลับเป็นโรคร้าย มะเร็งต่อมลูกหมาก เพียรพยายามรักษา ทางแพทย์แผนปัจจุบัน ที่ร่ำเรียนมา แต่ชีวิตกลับใกล้ความตาย เข้าไปทุกขณะ ทุกข์ทรมานอยู่ ๑๐ ปี เมื่อหันกลับมามีชีวิต คืนสู่ธรรมชาติ ด้วยอาหาร มังสวิรัติ พร้อมจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับเนื้อร้าย มะเร็งร้ายก็พ่ายแพ้ในที่สุด คุณหมอทำอย่างไรมะเร็งร้ายจึงต้องลาจากไป

นั้นเป็นตัวอย่างหนึ่งของผู้ที่ใช้นำการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง มาดูแลรักษาสภาพร่างกาย จิตใจให้แข็งแรง จนสามารถเอาชนะโรคภัยอันตรายอย่างมะเร็งได้สำเร็จ ตัวผมเองก็มีความเสี่ยงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดโรคมะเร็งในร่างกาย เนื่องจากพันธุกรรม โดยคุณพ่อเสียชีวิตจากโรคมะเร็งช่วงท้องเมื่อท่านอายุ 52 ปีเท่านั้น และคุณย่าก็เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเหมือนกันเมื่อท่านอายุเยอะแล้วน่าจะ 82 ปี

เรื่องมันเศร้า...แต่จริง :(