วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ช่วงนี้โควิทไม่ค่อยได้วิ่ง ได้แต่ซ้อมท่าวิ่ง ส่งการบ้าน week 21 ปี 2021

เดือนนี้วิ่งได้ระยะสะสม 256k หยุดพักแค่ 2 วัน สำหรับใน week 21 ปี 2021 ได้ระยะสะสม 70.5k มีเดิน 2 ครั้ง เป็นการเดินพักคาบเย็น หลังจากซ้อมวิ่งคาบเช้า 10k กับเดินขึ้นเนินแถวๆ สะพานขาด ที่เขาทำเตรียมไว้เชื่อมถนนกาญจนาภิเษกที่จะสร้างถนนมาจากบางแค พุทธบูชา ตามรูป

ช่วงเย็นจะเห็นนักวิ่งมาซ้อมกันเรื่อยๆ ทั้งช่วงโควิท ที่มีการปิดสวนชั่วคราวและไม่ปิดสวน พวกเขาน่าจะมาซ้อมวิ่งขึ้นเนินประจำเดือน



 



วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

คุณรู้ว่าชีวิตขาดวิ่งไม่ได้เมื่อ...

 

วิ่งไหนดี : Wingnaidee

30 สิงหาคม 2019  · 

ใครเกิน 4 ข้อบ้างยกมือขึ้น 🖐

.

#เพราะชีวิตขาดวิ่งไม่ได้

#วิ่งไหนดี #WingNaiDee

ที่มา: https://www.facebook.com/WingNaiDee/posts/2547669615283523

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ส่งการบ้าน week 20 ปี 2021 ลองวิ่ง 2 คาบ และที่ซ้อมวิ่งขึ้นเนินใหม่

 


week นี้ซ้อมวิ่งช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ได้ระยะสะสมเยอะ ทำให้พอวันเสาร์ก็เลยพัก กอรปกับเจ็บกล้ามเนื้อสะโพกหลังจากไปวิ่งขึ้นเนินที่ใหม่ รวมทั้งวิ่ง 2 คาบด้วย พักไป 1 วันพอวันอาทิตย์ก็กลับมาซ้อมอีกที อาการเจ็บยังมีอยู่ ฟืนวิ่งได้ 5k อีกทั้งช่วง 16.30 น. แดดยังร้อนมาก ก็เลยเวทเยอะไปหน่อยเกือบชั่วโมง พอไปวิ่ง 5k ก็เลยหมดแรง HR ขึ้นเร็วมาก 140+


จุดซ้อมวิ่งลงเนิน ระยะทาง 350 เมตร เป็นสะพานที่จะเชื่อมเข้า ถ.กาญจนาภิเษก มาจากเส้นบางแค - พุทธบูชา ที่จะสร้างใหม่ นักวิ่งจะมาแอบใช้ซ้อมวิ่งกันช่วงเย็นๆ

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

การฝึกเตรียมร่าง เพื่อวิ่งมาราธอน

 Longyoung Run

2 สิงหาคม 2019  · 

การฝึกเตรียมร่าง เพื่อวิ่งมาราธอน

.




วันนี้เราจะแนะนำการฝึกเพื่อไปวิ่งมาราธอน โดยโปรแกรมนี้เป็นการฝึกเพื่อให้วิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดอัตราการบาดเจ็บได้ ซึ่งการฝึกจะประกอบไปด้วยการฝึกระบบกล้ามเนื้อ, การฝึกระบบการหายใจ

.

📌📌 ฝึกระบบกล้ามเนื้อ

หลายคนอาจละเลยการฝึกเวทเทรนนิ่งเพราะคิดว่าอาจจะไม่จำเป็นต่อการวิ่งมาราธอน แต่การฝึกกล้ามเนื้อนั้นจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อมีความเตรียมพร้อมที่จะรับการใช้งานและสามารถการออกแรงเป็นเวลานาน ลองคิดดูง่ายๆ ว่าเวลาที่เราวิ่งแต่ละรายการกี่นาที, กี่ชั่วโมง นอกจากนี้ร่างกายเรายังต้องรับแรงกระแทกจากการวิ่งกี่ครั้งต่อการวิ่งมาราธอนรอบนึง ดังนั้นการเวทเทรนนิ่งจึงเป็นเรื่องสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้ร่างกายรับแรงกระแทกและการใช้งานได้อย่างดี นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้กล้ามเนื้อด้วย

ตารางฝึกกล้ามเนื้อสำหรับนักวิ่ง มาราธอน

-Squat 10 reps x 4 sets

-Leg press 10 reps x 4 sets

-Hip thrust 12 reps x 4 sets

-Lunge 15 reps [ต่อข้างนึง] x 4 sets or

-Lunge 50-100m x 4 sets

-Calf raise 12 – 15 reps x 4 sets สลับกับ Seated Calf raise 12-15 reps

-Plank failure x 4 sets

-Side plank failure [ต่อด้านนึง] x sets

ตารางฝึกด้านล่างเป็นการเวทเทรนนิ่งกล้ามเนื้อช่วงล่างและแกนกลางลำตัวเพื่อเตรียมพร้อมการไปวิ่งระยะทางไกลๆ และ นานๆ ซึ่งกล้ามเนื้อดั่งกล่าวเป็นมัดกล้ามเนื้อหลักที่ใช้ในการเคลื่อนไหวการวิ่ง

นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีการเวทเทรนนิ่งช่วงบนด้วย แต่อาจไม่จำเป็นต้องเข้มข้นเท่าช่วงล่าง

-Bench pess 12 reps x 4 sets

-BB row 12 reps x 4 sets

-DB Shoulder press 12 reps x 4 sets

-Triceps push down 15 reps x 4 sets

-Bicep Curl 15 reps x 4 sets

.

📌📌 ฝึกระบบหายใจ

การฝึกระบบหายใจจะทำให้เราวิ่งได้อึดและนานขึ้น ต่อให้กล้ามเนื้อเราแข็งแรงมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าระบบหายใจซึ่งเป็นระบบที่ทำหน้าที่ลำเลียงพลังงานไปสู่กล้ามเนื้อทำงานนั้นทำงานได้ไม่ดี เราก็จะเหนื่อยง่าย, วิ่งได้ไม่นาน หรือวิ่งทำเวลาได้ไม่ดี

สำหรับรูปแบบการซ้อมระบบหายใจนั้นก็แนะนำให้ซ้อมแบบนี้ก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งมาราธอน

– LSD (Long steady state): เป็นการวิ่ง ช้าๆ นานๆ เพื่อฝึกพื้นฐานระบบหายใจของเราให้ทนทานมากขึ้น การซ้อมแบบนี้ เป็นการวิ่งเรื่อยๆ โดยกำหนดระยะทางให้เท่ากับระยะทางที่เราจะวิ่งแข่งจริง หรือเวลาที่เรากะว่าจะใช้ในการวิ่งจริง เพื่อให้เราคุ้นชินและทำทานต่อการวิ่งระยะทางจริง

เช่น ลงวิ่ง มินิมาราธอน 10 kg ใช้เวลา 1ชั่วโมงครึ่ง เราก็ซ้อมวิ่งให้ได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง สัปดาห์ละ 2 – 3 วัน

– Tempo: เป็นการวิ่งที่มีความหนักหรือความเร็วที่ใกล้เคียงกับการวิ่งจริง เป็นการซ้อมเพื่อวิ่งทำให้เวลาเราดีขึ้นและทำให้เรามีความทนทานต่อการล้า ( Lactate Threshold )  เพิ่มมากขึ้น ทำให้เราวิ่งได้ดีขึ้นและ ทนทานมากขึ้นไม่หมดแรงง่ายๆ

เช่น กำหนดการซ้อมด้วย ระยะทางจริงที่เราวิ่งแข่ง แต่ครั้งนี้ให้วิ่งให้เร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้จบระยะเร็วขึ้นนั่นเอง

หรืออาจจะวิ่งด้วยความเร็วเท่าแข่งจริง แต่ให้วิ่งในระยะที่ไกลขึ้นกว่าการแข่งจริงเล็กน้อย ทำให้เราทนทานมากขึ้น ซ้อมแบบนี้ สัปดาห์ละ 1 – 2 วัน

–  Interval training: เป็นการวิ่งไวมากๆ [ 85% – 90% THR ] สลับกับการเดินช้าๆ หรือจ้อกกิ้งเบาๆ ด้วยอัตราส่วน 1 : 1 หรือ 1 : 2   [ Work : Rest ]

การฝึกแบบนี้ทำเพื่อเพิ่ม Vo2 max หรือ ประสิทธิภาพการใช้ออกซิเจน จะส่งผลให้เรามีแรงฮึดช่วงสุดท้าย เอาไว้แซงในช่วงท้ายของการแข่งได้

ที่มา : planforfit

ที่มา : https://www.facebook.com/longyoungrun/photos/a.372894949875946/642790249553080/?type=3

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ประคบร้อน vs ประคบเย็น

 Alpha Me - The Better ME

1 สิงหาคม 2019  · 

ประคบร้อน vs ประคบเย็น



😀ต่างกันตรงไหน ต้องทำเมื่อไรบ้าง มาดูกั๊น 

#AlphaME

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

มือใหม่ต้องรู้ Heart Rate Zone คืออะไร

วิ่งไหนดี : Wingnaidee

1 สิงหาคม 2019  · 

มือใหม่ต้องรู้ Heart Rate Zone คืออะไร ?


เพื่อน ๆ นักวิ่งมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการวิ่งในช่วงแรกอาจจะยังไม่รู้จักกับ Heart Rate Zone หรือบางคนเมื่อโดนถามว่าวิ่งอยู่โซนไหนบางทีเราก็ตอบไม่ถูกใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นเดี๋ยววันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ Heart Rate Zone หรือ Zone วิ่งกันครับ

.

Heart Rate Zone จริง ๆ แล้วถ้าจะให้พูดเข้าใจง่าย ๆ นั่นก็คือการวัดอัตราการเต้นของหัวใจเราว่าออกกำลังกายหนักแค่ไหน หากเพื่อน ๆ สังเกตนาฬิกาที่ใช้สำหรับนักกีฬานั้นมักจะมีตัววัด Heart Rate ติดมาด้วยเพื่อให้ผู้สวมใส่รับรู้ความหนักหน่วงในการออกกำลังกายของตัวเอง โดยปกติแล้วมนุษย์เราจะมีอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในจังหวะที่ต่ำเมื่อไม่ได้ออกกำลังกาย (Resting Heart Rate) และอัตราการเต้นสูงสุดเมื่อออกกำลังกาย (Maximum Heart Rate) โดยความสูงต่ำนั้นก็จะขึ้นอยู่กับความหนักเบาในการออกกำลังกายของเรา หรือ ที่เรียกว่า Zone นั่นเองครับ

.

โดยทั่วไปแล้ว Heart Rate Zone ในการวิ่งจะถูกแบ่งออกเป็น 5 ระดับ หรือ 5 Zone (จริง ๆ แล้วการแบ่งโซนมีแยกย่อยออกเป็นได้หลากหลายรูปแบบ แต่เราจะขอแนะนำในแบบเบื้องต้นให้ดูเป็น Guideline ก่อนแล้วกันครับ) 

.

Zone 1: (Very Light): 50-60% MHR 

โซนหนึ่ง เปรียบเสมือนโซนเริ่มต้นในการออกกำลังกาย เพื่อน ๆ ที่วิ่งโซนนี้จะเป็นการวิ่งแบบเบามาก ๆ หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า Recovery Zone เพราะเป็นการวิ่งที่มักเอาไว้ใช้ในการพักฟื้นร่างกาย วิ่งให้พอมีเหงื่อเล็กน้อย และยังคงสามารถพูดคุยกับคนรอบข้างที่วิ่งมากับเราได้อยู่แบบไม่เหนื่อยหอบนั่นเองครับ เพื่อน ๆ อาจจะใช้โซนนี้เป็นการวิ่งอุ่นเครื่องก่อนที่จะก้าวไปโซนอื่น ๆ ก็ได้ครับ

.

Zone 2: (Light): 60-70% MHR

การวิ่งในโซนสองนั้นนักวิ่งจะเริ่มมีเหงื่อออกในระดับหนึ่ง และยังคงพูดคุยกับคนรอบข้างได้แต่ก็มีการหายใจที่แรงขึ้นสักหน่อยครับ การวิ่งในโซนนี้เพื่อน ๆ ยังคงวิ่งได้เป็นเวลานาน และการวิ่งโซนสองยังช่วยในเรื่องของการเผาผลาญ หรือ ลดน้ำหนักได้ดีอีกด้วย

.

Zone 3: (Moderate): 70-80% MHR

โซนสามถือว่าเป็นการวิ่งที่เริ่มมีความเข้มข้นขึ้นมาบ้างแล้ว เพื่อน ๆ อาจจะต้องใช้สมาธิในการวิ่ง และเริ่มพูดออกเป็นประโยคได้ยากขึ้นแต่ก็ยังคงพูดเป็นคำ ๆ ได้อยู่ ในการวิ่งโซนสามนั้นจะช่วยในเรื่องของการพัฒนาประสิทธิภาพการไหลเวียนโลหิตในหัวใจ และกล้ามเนื้อต่าง ๆ หรือที่บางคนเรียกว่า Aerobic Zone นอกจากนี้การวิ่งในโซนสามยังช่วยในการพัฒนากล้ามเนื้อ เพิ่มความฟิตของกล้ามเนื้อได้อีกด้วยครับ

.

Zone 4: (Hard) 80-90%MHR

เป็นการออกกำลังกายที่จัดได้ว่าหนักแล้วครับ นักวิ่งจะหายใจได้ลำบาก แต่ก็แลกมาด้วยการพัฒนากล้ามเนื้อของร่างกายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น บางคนจะเรียกการวิ่งโซนนี้ว่า Anaerobic Zone การวิ่งโซนนี้นักวิ่งไม่ควรหักโหม หรือ ฝืนมากจนเกินไปนะครับ

.

Zone 5: (Maximum) 90-100% MHR

โดยปกติแล้วโซนวิ่งนี้ยังไม่เหมาะกับนักวิ่งมือใหม่ที่เคยออกกำลังกายหนัก ๆ มาก่อนนะครับ เพราะว่าการวิ่งโซนห้านั้นร่างกาย หรือ ระบบหายใจและหัวใจจะทำงานอย่างเต็มกำลังส่วนมากแล้วจะไม่ค่อยมีการยืนระยะวิ่งโซนห้าได้นานนัก เพราะฉะนั้นอย่างที่บอกว่าหากไม่เคยออกกำลังกายหนัก ๆ มาก่อนยังไม่ควรขึ้นมาวิ่งโซนนี้ครับ

.

เป็นอย่างไรบ้างครับกับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Heart Rate Zone เพื่อน ๆ รู้อย่างนี้แล้วก็สามารถนำเอาโซนต่าง ๆ ไปฝึกซ้อมกับตัวเองได้นะครับ

.

#วิ่งไหนดี

#WingNaiDee

ที่มา: https://www.facebook.com/WingNaiDee/posts/2494581567258995

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ส่งการบ้าน week 19 ปี 2021 มาลุ้นกันว่าพรุ่งนี้สวนจะกลับมาเปิดหรือไม่

 


week นี้ขยันวิ่งทุกวันแต่ระยะทางวิ่งต่อวันน้อย 5k - 10k เท่านั้น อดวิ่งยาว 18k ที่สวนธนบุรีรมย์มา 2 week แล้ว กทม.ปิดสวนเนื่องจากสถานการณ์ covic-19 ระบาด รอบ 3 นี้ต้องรอลุ้นว่าวันพรุ่งนี้ 17 พ.ค. 2564 กทม.จะเปิดสวนใหม่หลังจากต่อเวลาการปิดเพิ่มมาครบ 1 week 

เห็นนักวิ่งหรือคนชอบออกกำลังกาย มาวิ่งเดินกันบนฟุตบาทแล้วเอ็นดู เหมือนเรา แต่ครั้นพอเขาเปิดสวนก็มีบางคนยังการ์ดตกเหมือนเดิม เช่น ขณะวิ่งก็จับกลุ่ม, วิ่งเสร็จก็จับกลุ่มคุยกันต่อ, ถมน้ำลายลงพื้น ฯลฯ
เราเองวิ่งคนเดียวซ้อมคนเดียวไม่เกี่ยวกะใครก็เลยต้องมาซวยไปด้วย

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ฝึกวิ่งช้า เพื่อวิ่งเร็ว

 Longyoung Run

20 กรกฎาคม 2019  · 

ฝึกวิ่งช้า เพื่อวิ่งเร็ว

.


อยากวิ่งเร็ว..ต้องซ้อมวิ่งช้า  แล้วทำไมการซ้อมวิ่งช้า หรือการซ้อมวิ่ง easy pace สามารถช่วยให้เราวิ่งได้เร็วขึ้นได้อย่างไร…

คำตอบของการซ้อมวิ่งช้ามีผลดีต่อการวิ่งของเรานั้นจะซ่อนอยู่ในระบบที่เรียกว่า “aerobic system”  มาตั้งต้นหาหลักกันนะคะ ว่าเราจะเริ่มต้นตรงจุดไหนดีถึงจะพัฒนากันได้  หาจุดเริ่มต้นก่อน

.

เริ่มเดินวิ่งจนสามารถวิ่งได้ 30 นาทีแบบช้าๆ (easy pace) ติดต่อกันก่อนนะคะ  Easy pace คือ วิ่งแล้วคุยไปด้วยได้ เป็นประโยคๆโดยไม่หอบ แต่ถ้าระดับร้องเพลงได้นี่แปลว่าช้าไปนะคะ ต้องเร่งแล้ว (พูดจริง) เอาคุยได้ยาวๆ ไปเรื่อยๆได้พอ

.

พอวิ่งได้ 30 นาทีแบบคุยได้แล้ว ก็เอาความเร็วเพสนั้นเป็นหลัก การที่วิ่งเพสช้าโดยที่ยังไม่กังวลในเรื่องการเร่งความเร็วเลย 3-4 ครั้งต่ออาทิตย์ จะช่วยให้เราโฟกัสไปที่ฟอร์มการวิ่ง ช่วยให้กล้ามเนื้อเรียนรู้ที่จะเผาผลาญไขมันได้ดี และหัดให้ปอดรู้จักใช้ออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

.

เพราะการฝึกซ้อมคือ การสร้างสมสิ่งต่างๆภายในร่างกาย ถ้าเรามุ่งหวังสิ่งใด.... เราก็ต้องสร้างสิ่งนั้น

เพราะในการวิ่งมาราธอน.... คือการวิ่งระยะทางยาวมาก ความอึด ความอดทน ย่อมขาดไม่ได้

การวิ่งแบบ easy run จะช่วยสะสมเสริมสร้างแบบย่อๆ คือ...

1. ช่วยพัฒนาระบบเส้นเลือดฝอย ซึ่งเหล่าเส้นเลือดฝอยเป็นเส้นทางสำคัญในการลำเลียงเเร่ธาตุอาหารไปสู่กล้ามเนื้อ  กล้ามเนื้อจะมีเส้นเลือดไปเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น

2. ประสิทธภาพการวิ่ง ฐานความอดทน (endurance) สร้างความแข็งแกร่งอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป อย่าดูถูกว่าการวิ่งช้าไม่มีข้อดีอะไรเลยกับพัฒนาการการวิ่ง

3. ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ  ระบบกล้ามเนื้อรวมถึงกลไกที่มีความอดทนต่องานหนักและนาน

4. เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ระบบไหลเวียนที่ต้องรองรับการขนส่งที่ยาวนาน

5. ช่วยเผาผลาญไขมัน เมื่อเราซ้อมแบบวิ่งช้า...ร่างกายจะใช้พลังในทางแอโรบิค หรือ ใช้พลังจากไขมันมาเป็นพลังวิ่ง 

- เพราะการวิ่งช้า...ร่างกายใช้พลังจากไขมัน 

- เพราะการวิ่งเร็ว...ร่างกายใช้พลังจากไกโคเจน

6. สร้างพื้นฐาน แอโรบิค เมื่อนักวิ่งซ้อมแบบช้า ร่างกายก็จะสวิทไปใช้พลังแบบ "แอโรบิค"  แอโรบิคคือ ระบบหายใจที่เพียงพอแก่การผลิตพลังงานนานๆ 

7. การบ่มเพาะจิตใจให้เข้มแข็ง มีระเบียบ 

.

พอรู้สึกว่าเราเริ่มแข็งแรงขึ้นแล้ว ทีนี้เมื่อเราต้องการจะเพิ่มความเร็ว เราก็อาจจะเพิ่มการวิ่งเร็วหรือ วิ่งแบบเทมโป้ (tempo) ครั้งนึงต่ออาทิตย์  จะแทนวันที่วิ่งช้าวันนึงก็ได้ค่ะ แล้วถ้ารู้สึกว่ามั่นใจ อยากเพิ่มอีกวันนึงก็ได้ค่ะ 

แต่ที่สำคัญอย่าวิ่งเร็วติดๆ กันเป็นใช้ได้นะคะ เพราะร่างกายเราต้องมีการพักฟื้นระหว่างวันวิ่งเร็ว ไม่อย่างนั้นก็จะบาดเจ็บได้ค่ะ

ที่มาข้อมูล : ชมรมวิ่งบางขุนเทียน

👉 . .

กลุ่มพูดคุย "YoungRun"

https://www.facebook.com/groups/392343794827887/

ช่องทางสั่งซื้อสินค้า

https://www.digivshop.com/

อย่าลืมติดตาม กดติดดาวตั้งค่าเห็นก่อนนะคะ เพื่อไม่พลาดข้อมูลข่าวสาร #CalorieRun #เผ่านักวิ่ง #longyoungrun

ที่มา : 

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

วิชาเคมีกับนักวิ่ง

 Sukirin Taweesukห้องเรียนวิ่งมาราธอน

19 กรกฎาคม 2019  · 

+++ วิชาเคมีกับนักวิ่ง +++


- หัวใจของการวิ่งต้องการ 3 สิ่ง คือ พลังงาน ออกซิเจน และ น้ำ

- ร่างกายใช้ กลูโคส และกักเก็บสะสมในรูปแบบของ ไกลโคเจน

- ร่างกายต้องการ ออกซิเจน ไปสลาย กลูโคส เพื่อนำมาใช้งาน

- Aerobic respiration การสลายสารอาหารแบบใช้ออกซิเจน มีประสิทธิภาพมากกว่า การสลายสารอาหารแบบไม่ใช้ออกซิเจน Anaerobic respiration

- การออกกำลังกายแบบ Aerobic เช่น วิ่ง จักรยาน ซึ่งต้องการการหายใจเข้าเยอะๆ

- การออกกำลังกายแบบ Anaerobic เช่น วิ่งระยะสั้น ยกน้ำหนัก ซึ่งต้องหายใจสั้นและเร็ว

- ออกซิเจนสลายกลูโคส จะได้ น้ำ และ คาร์บอนไดออกไซด์

- การวิ่ง จึงจำเป็นต้องผ่านการฝึก เพื่อให้ร่างกายเพิ่มปริมาณ ออกซิเจน เท่าที่ต้องการ และเพิ่มประสิทธิภาพของ เซลล์ ในการนำมาใช้

- จังหวะหมดแรง วิ่งต่อไม่ไหว เป็นสัญญาณว่า ร่างกายเผาผลาญ พลังงาน ไปเกือบหมด นำไปสู่ ความล้า เพราะร่างกายนำพา ออกซิเจน ได้น้อยลง การสลาย กลูโคส ลดประสิทธิภาพลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงเกิด กรดแลคติก ทำให้รู้สึกปวดตึงกล้ามเนื้อ

- กรดแลคติก เยอะขึ้น สมอง ก็จะสั่งการไปยัง กล้ามเนื้อขา ว่าไม่ไหวแล้ว ส่งสัญญาณเตือนว่า ให้วิ่งช้าลง และหายใจเอา ออกซิเจน เข้าไปเยอะๆ

- ขณะวิ่ง เรามีโอกาสใช้ ไกลโคเจน ที่สะสมไว้จนหมด หรือที่เรียกว่า ชนกำแพง มักจะเกิดที่ระยะประมาณ กิโลเมตรที่ 30

- อาการชนกำแพง เป็นช่วงที่ร่างกาย สลาย กรดไขมัน เพื่อหาพลังงานมาใช้เพิ่ม

- การฝึกวิ่งหนัก จึงทำให้นักกีฬา ผ่านจุดวิกฤตินี้ได้อย่างสบายๆ

- พอร่างกายเริ่มสลาย กรดไขมัน มาใช้เป็นพลังงาน จึงทำให้เกิด คีโตน Ketones ตัวเร่งกระบวนการลดค่า กรด-ด่าง ทำให้เกิดอาการขาดน้ำ ยิ่งเพิ่มความล้าเข้าไปอีก

- น้ำ ทำให้ร่างกายเย็นลง พลังงาน โมเลกุล ของน้ำ กลายเป็นแก้ส มาจากความร้อนของร่างกาย ขณะเหงื่อออก เหงื่อจะระเหยออกไป ทำให้ร่างกายเย็นลง

- เหงื่อ เป็นตัวกำจัด เกลือ ออกจากร่างกาย บางคนจึงขาดเกลือเมื่อวิ่งไปได้สักระยะหนึ่ง

- จึงมีเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬา ซึ่งประกอบไปด้วย โซเดียมคลอไรด์ แคลเซียมคลอไรด์ โปแตสเซียมฟอสเฟต และ อิเลคโตรไลท์

- การดื่มน้ำ ถ้าเกินความจำเป็น คือ ดื่มมากกว่าการเสียเหงื่อ จะทำให้เกิดอาการ Hyponatremia หรือ ภาวะ โซเดียม ในเลือดต่ำ ซึ่งทำให้เกิดภาวะสมองบวมได้

- ยังไม่มีใครระบุได้ว่าควร ดื่มน้ำ มากน้อยแค่ไหน ดีที่สุด คือ ต้องรู้ว่าตัวเอง ควรดื่มแค่ไหน โดยดูสภาพอากาศว่า ร้อน เย็น แค่ไหน ร่างกายเสียเหงื่อมากน้อยแค่ไหน

- นักวิ่งระยะไกล เท่านั้นที่จะค้นพบ ความสุขเบิกบานใจ หลังเข้าเส้นชัย

- ความสุขเบิกบานใจ หลังวิ่ง มีความสัมพันธ์กับระบบ Endocannabinoid ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมการทำงาน และรักษาสมดุลของร่างกาย

- Endocannabinoid มีโครงสร้างเหมือนสารกระตุ้นใน กัญชา เรียกว่า THC นักวิทยาศาสตร์ ค้นพบสารคล้ายกับ THC ค่อนข้างสูงใน เลือด ของนักวิ่งระยะไกล หลังวิ่งจบ เรียกว่า Anandamide สารนี้เป็นตัวกระตุ้นการสร้าง โมเลกุลโปรด ให้กับสมองเพิ่มขึ้น หรือที่เรียกว่า Dopamine ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข.....Sukirin Taweesuk

สุคีริน ทวีสุข

ทีมเวโลเช่

ที่มา : https://www.facebook.com/photo/?fbid=10219070244936575&set=gm.1218970394956483

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ซ้อมวิ่งบนสะพานกรุงเทพพร้อมส่งการบ้าน week 18 ปี 2021

 


week ขยันวิ่งทุกวันเหมือน week ที่แล้ว วิ่งแต่ละวันไม่มากและวิ่งยาววันอาทิตย์แค่ 13k ในหมู่บ้าน ไปวิ่งยาวสวนธนบุรีรมย์ไม่ได้เพราะเขาปิดหนี covic-19 ถึงวันที่ 17

3 วันใน week นี้ ได้ซ้อมวิ่งบนสะพานกรุงเทพมีทั้งวิ่งช่วงเช้าและบ่ายแก่ๆ ตอนขี่มอเตอร์ไซต์ข้ามสะพานดูเหมือนไม่ไกล แต่พอมาวิ่งจริง มันยาว 600 เมตรล่ะ 

วันจันทร์สดได้ที่วิ่งใหม่อัดซ่ะ pace 6.19 ไป 7k พอวันอังคารปวดต้นขาเลย 555 วันอื่นวิ่งช่วงบ่าย 3 กว่า แดดไม่ค่อยแรง เพราะเข้าหน้าฝน วิ่งสะพาน 2-3 วันก็ชิน ปรับรูปแบบการวิ่งได้แล้วคือ ขาขึ้นซอยเท้าถี่ๆ สับแขนช่วย ส่วนขาลงวิ่งๆโดดๆ ไม่รั้งเท้าเพราะจะทำให้เจ็บหัวเข่า
วิ่งที่นี้ลมพัดแรงดีตลอด race ขนาดใส่แมสผ้าวิ่งยังหายใจได้



วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ทำไมถึงต้องแช่น้ำแข็งหลังการแข่ง มาอ่านกันครับ

 เทคนิคฟื้นฟูร่างกายด้วยการ “แช่น้ำแข็ง” (Ice Baths – Cold Therapy)


ผู้คนมักจะใช้วิธีแช่น้ำแข็งเพื่อเพิ่มความเร็วในการฟื้นตัวหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการแช่น้ำแข็งอาจลดการอักเสบและความเจ็บปวดที่เกิดจากการออกกำลังกาย

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการแช่น้ำแข็งอาจเป็นปัญหากับกล้ามเนื้อได้เช่นกัน

การแช่น้ำเย็นอาจจะทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด แต่บางคนเชื่อว่ามันเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดและเร็วที่สุดในการบรรเทาอาการปวดหลังการออกกำลังกาย แม้ว่าการแช่น้ำแข็งอาจบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อได้ แต่ก็ไม่ได้ผลสำหรับทุกคนและอาจมีผลในทางลบกับบางคนอีกด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการออกกำลังกายของแต่ละคน


แช่น้ำแข็งคืออะไร?

การแช่ตัวในน้ำเย็นหรือที่เรียกว่าการแช่น้ำแข็ง เป็นรูปแบบหนึ่งของการบำบัดด้วยความเย็น (Cold Therapy) เป็นการนั่งในน้ำเย็นๆ ให้น้ำเย็นอยู่ระดับหน้าอก ใช้เวลาประมาณ 10 ถึง 15 นาที โดยที่ไม่จำเป็นต้องหยุดพัก


การแช่น้ำแข็งทำงานอย่างไร

การแช่น้ำแข็งช่วยลดการอักเสบและปรับปรุงการฟื้นตัว โดยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและของเหลวอื่นๆ ในร่างกาย เมื่อนั่งในน้ำเย็นหลอดเลือดจะหดตัวแล้วหลังจากแช่เสร็จหลอดเลือดจะขยาย กระบวนการนี้ช่วยล้างของเสียจากการเผาผลาญหลังออกกำลังกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำเหลือง ซึ่งเป็นของเหลวใสที่ประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวและของเหลวจากลำไส้ กล่าวโดย Nick Clayton (Certified Strength and Conditioning Specialist : C.S.C.S.) Program Manager ของสมาคม Strength and Conditioning แห่งชาติ


การแช่น้ำแข็งจะทำให้เส้นเลือดหดตัวและเปิดออกเองซึ่งจะช่วยให้ของเหลวในต่อมน้ำเหลืองเคลื่อนไหวไปทั่วร่างกาย การไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นยังทำให้เซลล์หลั่งสารอาหารและออกซิเจนเพื่อช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย


Nick Clayton และ Mike Reinold D.P.T. , C.S.C.S. นักกายภาพบำบัดและอดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนกีฬา Boston Red Sox เชื่อว่าการแช่น้ำแข็งจะช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬาที่หนักๆ ได้ด้วย


“ในทางจิตใจมันเหมือนเป็นการท้าทายร่างกายด้วยการสัมผัสกับความเครียดและสิ่งเร้าที่แตกต่างกันทำให้เรามีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายที่แตกต่างกันในอนาคต” เคลย์ตันกล่าว


การบำบัดด้วยการแช่น้ำร้อนสลับน้ำเย็น (Contrast Therapy) คืออะไร?

การบำบัดด้วยการแช่น้ำร้อนสลับน้ำเย็น หรือ Contrast Therapy เป็นวิธีหนึ่งในการบำบัดด้วยความเย็น (Cold Therapy) โดยสลับระหว่างการแช่น้ำเย็นและน้ำอุ่น การวิจัยแสดงให้เห็นว่าวิธีนี้มีประสิทธิภาพเท่ากับการแช่น้ำแข็ง เป็นการบรรเทาอาการปวดชั่วคราว


การแช่น้ำแข็งช่วยลดการอักเสบหรือไม่?

งานวิจัยบางชิ้นแนะนำว่าการแช่น้ำแข็งอาจลดอาการเจ็บปวดหลังออกกำลังกายได้ ในปี 2018 มีการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวิธีการฟื้นฟู (Recovery) รวมถึงการบำบัดด้วยวิธี Contrast Therapy , การนวด (Massage) และการแช่น้ำแข็ง (Ice Bath) ที่ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อ, การรับรู้ความเมื่อยล้า, ความเสียหายของกล้ามเนื้อ และการอักเสบหลังการออกกำลังกาย พบว่าการแช่น้ำแข็งและการนวดเป็นวิธีที่ช่วยลดการอักเสบได้ ยิ่งไปกว่านั้นการนวดคือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการลดอาการปวดกล้ามเนื้อและความเหนื่อยล้าจากการออกกำลังกาย


เคลย์ตันตั้งข้อสังเกตว่า การวิจัยเล็กๆ ในปี 2017 พบว่าการแช่ตัวในน้ำแข็งนั้นไม่มีประสิทธิภาพมากไปกว่าวิธีการฟื้นฟูแบบ Active Recovery ในการลดการอักเสบและระยะเวลาพักฟื้น และจากการวิจัยในปี 2012 พบว่าการแช่ตัวในน้ำแข็งนั้นไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการฟื้นฟูร่างกายแบบ Active Recovery ในการลดอาการปวดกล้ามเนื้อเช่นกัน


นอกจากนี้การแช่น้ำแข็งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มกล้ามเนื้อของเราด้วย เคลย์ตันกล่าว การวิจัยในปี 2015 พบว่าผู้ชายที่ใช้การบำบัดด้วยน้ำเย็น กับวิธี Active Recovery นั้นมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อน้อยลง


“ความเสียหายหลังการออกกำลังกายส่งสัญญาณให้ร่างกายสร้างพื้นที่ความเสียหายนั้นมากขึ้น เมื่อคุณลดความเสียหายนั้นลงได้ คุณก็จะไม่เหลือแรงไปกระตุ้นการเติบโตของกล้ามเนื้อแล้ว ดังนั้น แม้ว่าคุณจะลดอาการอักเสบได้ แต่ก็อาจไม่ส่งผลดีต่อการออกกำลังกายของคุณ” เคลย์ตันกล่าว


การแช่น้ำแข็งสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการเล่นกีฬาได้หรือไม่?

การแช่น้ำแข็งหลังการแข่งขันจะไม่ทำให้คุณเป็นนักกีฬาที่เล่นได้ดีขึ้น “ถ้าคุณออกกำลังกายและกระโดดลงไปแช่ในอ่างน้ำแข็ง ประสิทธิภาพของคุณจะไม่ดีขึ้นในวันถัดไป” Clayton กล่าว


จากที่กล่าวว่าการอาบน้ำแข็งมีผลดีต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งช่วยให้คุณนอนหลับและรู้สึกดีขึ้น นอกจากนั้นยังอาจช่วยปรับปรุงเวลาในการตอบสนอง (reaction time) และการระเบิดพลังในการออกกำลังกายในอนาคตด้วย

 

การแช่น้ำแข็งอาจช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการเล่นกีฬาได้ ถ้าคุณใช้ช่วงเวลาหนึ่งก่อนออกกำลังกายในวันที่อากาศร้อนและชื้น เพียงแค่กระโดดลงในอ่างน้ำแข็งก่อนการแข่งขันหรือก่อนเกมส์เริ่มประมาณ 20 นาที เพื่อลดอุณหภูมิแกนกลางของร่างกายลงสองถึงสามองศา


ควรแช่น้ำแข็งเมื่อไหร่?

จนถึงตอนนี้ไม่มีช่วงเวลาที่แสดงว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดที่จะแช่น้ำแข็ง แต่อย่างไรก็ตามเคลย์ตันกล่าวว่าคุณสามารถกระโดดลงไปแช่ในอ่างน้ำแข็งหลังจากออกกำลังกายได้เร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งเป็นผลดี “ถ้าคุณออกกำลังกายแล้วรอหนึ่งชั่วโมงจึงค่อยไปแช่น้ำแข็ง กระบวนการบำบัดเหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน” เขากล่าว


นักกีฬาควรนั่งแช่ในอ่างน้ำแข็งนานเท่าไหร่?

จากการศึกษาการอาบน้ำแข็งในปี 2559 พบว่านักกีฬาได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหลังจากแช่ในอุณหภูมิน้ำระหว่าง 10 ถึง 15 °C (50 ถึง 59 °F) เป็นเวลา 10 ถึง 15 นาที


หากจะแช่น้ำแข็งที่บ้านควรตรวจสอบอุณหภูมิของอ่างโดยใช้เทอร์โมมิเตอร์เสียก่อน เราสามารถแช่น้ำแข็งที่ขาหรือแขน แต่จะดีที่สุดหากเราแช่น้ำแข็งทั้งตัว เพื่อให้เลือดหมุนเวียนและกำจัดของเสียจากการเผาผลาญในปริมาณที่มากขึ้น


การแช่ตัวในน้ำแข็งมีความเสี่ยงใดๆ หรือไม่?

Clayton กล่าวว่า คนที่มีความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดหัวใจควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเลือกใช้วิธีฟื้นฟูร่างกายด้วยการแช่น้ำแข็ง และหากนั่งแช่ในน้ำแข็งนานเกินไป อาจเกิดภาวะตัวเย็นเกิน หรือ Hypothermia ได้ ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายสูญเสียความร้อนจนอุณหภูมิของร่างกายตํ่ากว่า 35 องศาเซลเซียส โดยจะส่งผลต่อการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวจนถึงขั้นเสียชีวิตได้


วิธีที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูร่างกายหลังจากออกกำลังกายอย่างหนักจริงๆ

ไม่จำเป็นต้องแช่น้ำแข็งก็ได้ แต่การใช้วิธีแช่น้ำแข็งอาจช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ถ้าหากเลือกใช้วิธีการแช่น้ำแข็งเป็นวิธีบำบัดและฟื้นฟูร่างกายก็ให้แช่สองถึงสามครั้งต่อสัปดาห์


เมื่อตอนที่เคลย์ตันทำงานเป็นผู้ฝึกสอนเขาแช่น้ำเย็นและแช่น้ำอุ่นสัปดาห์ละครั้งหลังจากฝึกโยคะ


เขากล่าวว่า “มันทำให้รู้สึกดีและสามารถนอนหลับสนิทได้ตลอดคืน แต่ถ้าคุณทำทุกครั้งหลังจากออกกำลังกาย คุณจะไม่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการออกกำลังกายของคุณ”


ยังมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถเพิ่มความเร็วในการฟื้นตัวได้ เช่น การนวด ซึ่ง Reinold พูดว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด


หากคุณไม่สามารถนวดเป็นประจำได้ ก็สามารถใช้วิธีฟื้นฟูแบบ Active Recovery อย่างเช่น การยืดกล้ามเนื้อเบาๆ , การใช้โฟม (foam rolling) หรือการออกกำลังกายที่ใช้การเคลื่อนไหว อย่างเช่น โยคะ ก็จะมีประสิทธิภาพเท่ากับการอาบน้ำแข็งเหมือนกัน


แต่วิธีที่ดีที่สุดในการฟื้นสภาพร่างกายก็คือวิธีที่ง่ายที่สุด เช่น การรับประทานอาหาร และการนอนหลับพักผ่อนที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง


การเติมสารอาหารที่ร่างกายสูญเสียไปจะช่วยลดความเครียด และลดปฏิกิริยา “ต่อสู้หรือหนี” ที่มักจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก


“ยิ่งคุณเข้าสู่สภาวะที่ผ่อนคลายได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้นสำหรับการฟื้นฟูร่างกาย” เคลย์ตันกล่าว


ที่มา : menshealth , pobpad

ที่มา : https://www.vrunvride.com/ice-baths-cold-therapy-recovery-technique/?fbclid=IwAR3csYH8TMd_RIkA_jryHZp3veNIBDbjQ1oY9cIFyJpmS5f1xh1I4zqUAYo

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ทำไมนักวิ่งมาราธอนต้องฝึกวิ่งยาว


 
▶️ สาเหตุที่ 1 

• ฝึกระบบกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น 

• ระบบกล้ามเนื้อหัวใจและการไหลเวียนเลือด 

• ระบบการทำงานของปอด 

เพื่อการวิ่งยาว เมื่อร่างกายวิ่งไปจนถึงจุดที่เริ่ม สะสมความล้ามากขึ้น กล้ามเนื้อขาจะเริ่มหนัก สมองเริ่มล้าและเบื่อ จิตใจจะเฝ้าถามว่า อีกนานไหมกว่าจะถึงระยะที่วิ่งจบ เราเรียก ภาวะนี้ว่า turning point ส่วนต่างในร่างกายจะเริ่มต่อต้าน ทำให้อยากหยุดวิ่ง การต้องฝืนเพื่อวิ่งให้จบ คือ การให้ร่างกายได้เรียนรู้ และทนทานต่อสภาวะดังกล่าว

การฝึกวิ่งยาวที่ดี ต้องขึ้นกับความเร็วที่เหมาะสม ถ้าวิ่งเร็วไปก็หมดแรงก่อน ถ้าวิ่งช้าไปก็ทำให้น่าเบื่อมาก


▶️ สาเหตุที่ 2 

• ฝึกดื่มน้ำเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้นจากการวิ่ง ลดความร้อนและสร้างความชุ่มชื้นให้กับระบบทางเดินหายใจ

• ฝึกดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อไม่ให้สมดุลเกลือแร่สูญเสียไปจากการหลั่งเหงื่อที่มีผลทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง 

• ฝึกทานเจลพลังงานให้ร่างกายเพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และชดเชยพลังงานจากแป้งที่กำลังหมด ถ้าวิ่งเกินกว่า 60 นาที จะทำให้พลังงานจากแป้งที่สะสมในกล้ามเนื้อหมดไป หรือ จะเลือกทานขนมปังแทนเจลก็ได้


▶️ สาเหตุที่ 3 

ฝึกการฟื้นฟูร่างกายจากการวิ่งยาว การนอนหลับ การนวดคลายกล้ามเนื้อ การทานโปรตีนจากอาหารเพื่อซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหาย การได้รับวิตามินจากผลไม้ เพื่อลดสาร free radical ที่ทำให้เกิดการเสื่อมโทรมของเซลล์ 

ดังนั้นการฝึกวิ่งยาวจึงเป็นโปรแกรมฝึกวิ่งที่นักวิ่งมาราธอนทุกคนจะต้องเจอ การเตรียมพร้อมให้ร่างกายก่อนการฝึกวิ่งยาวจึงเปรียบเสมือนการซักซ้อมก่อนการลงแข่งจริง 

⏩ ตัวอย่างการซ้อมวิ่งยาวสำหรับมาราธอน

Week 1   ➡️ 10K

Week 2   ➡️ 12.5K

Week 3   ➡️ 15K

Week 4   ➡️ 20K เข้าช่วงซ้อมวิ่งยาว

Week 5   ➡️ 22.5K

Week 6   ➡️ 25K

Week 7   ➡️ 27.5K

Week 8   ➡️ 30K

Week 9   ➡️ 32.5K

Week 10 ➡️ 20K ลดความหนักของการวิ่งยาว

Week 11 ➡️ 15K

Week 12 ➡️ 12.5K

Week 13 ➡️ 10K

Week 14 ➡️ Race Day!

🔥🔥 การดื่มน้ำ น้ำเกลือแร่ และเจลพลังงาน

น้ำดื่ม ➡️ ดื่มทุก 2.5K ตามมาตรฐาน IAAF

น้ำเกลือแร่ ➡️ ดื่มทุก 7.5K 

เจลพลังงาน ➡️ วิ่งครบระยะ 7.5K หรือ 10K  

ที่มา: https://www.facebook.com/mjrunningcamp/posts/2058317120957806

วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ข้อควรรู้สู่การฟื้นฟูร่างกายแบบฉบับนักกีฬามืออาชีพ

 คุณเคยรู้สึกไหมว่าออกกำลังกายมาตั้งนานแต่กลับไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นเลย และคุณเคยคิดไหมว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณรู้สึกเช่นนั้น สำหรับใครก็ตามที่กำลังมีความรู้สึกนี้อยู่ ผมขอแนะนำให้คุณลองตรวจสอบตัวเองให้ดีว่าคุณได้ปฏิบัติตามหลัก 5 ข้อต่อไปนี้แล้วหรือยัง เพราะถ้าหากคุณได้ทำตามทุกข้อแล้ว ผมเชื่อว่าคุณจะรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดจากการที่ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้อย่างนักกีฬามืออาชีพอย่างแน่นอน



1. การนอนอย่างมีคุณภาพ

การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ คือ การนอนหลับสนิทติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง โดยบทความของ Marshal G J.G. (2016) ระบุว่าการนอนอย่างมีคุณภาพอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อคืนมีความจำเป็นเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกระบวนการฟื้นฟูนี้ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกมาหลายชนิด เช่น melatonin ที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต ช่วยซ่อมแซมระบบต่างๆในร่างกายทั้งระบบภูมิคุ้มกัน กระบวนการเคมีในร่างกาย การอักเสบ ระบบกล้ามเนื้อ ระบบความคิดและความจำ สำหรับท่านที่ประสบปัญหาการนอนหลับอย่างรุนแรง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกลุ่ม NCDs เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ได้


2. การรักษาสมดุลของน้ำ และเกลือแร่

การวิ่งที่สร้างความทนทานให้กล้ามเนื้อและหัวใจ (endurance exercise) อย่างเป็นประจำสม่ำเสมอจะช่วยให้การฟื้นตัวของร่างกายมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตัวอย่างของการออกกำลังกายแบบสร้างความทนทานให้กล้ามเนื้อและหัวใจคือการวิ่ง ซึ่งต้องใช้พลังงานของกล้ามเนื้อขา ต้นขาและน่อง เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้แข็งแรงและทนทานขึ้น เมื่อคุณวิ่ง ประสิทธิผลก็จะดีขึ้นในขณะที่ความเร็วในการฟื้นตัวก็จะเร็วขึ้นด้วย ดูง่ายๆ เช่นอัตราการเต้นหัวใจขณะพัก ปกติ อาจอยู่ที่ประมาณ 70-80 ครั้งต่อนาที หากวิ่งสม่ำเสมอ อัตราการเต้นหัวใจขณะพักจะลดลงมาอยู่ในช่วง 60-70 ครั้งต่อนาทีได้ไม่ยาก และสิ่งหนึ่งที่ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำควรตระหนักอยู่เสมอ คือ การรักษาสมดุลของน้ำทั้งก่อน ระหว่างและหลังการออกกำลังกาย โดยการดื่มเครื่องดื่มที่ผสมเกลือแร่เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ซึ่งแน่นอนว่าหากสมดุลของน้ำและเกลือแร่ไม่แปรปรวนมาก ร่างกายของคุณจะฟื้นฟูได้ไวอย่างแน่นอน


3. การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่

การรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ มีผลดีกับร่างกาย รวมถึงในด้านการฟื้นฟูร่างกายและการซ่อมแซมกล้ามเนื้อส่วนที่สึกหรอ เพราะนอกจากการนอนอย่างมีคุณภาพและการออกกำลังกายเป็นประจำแล้ว ร่างกายของมนุษย์ยังคงต้องการสารอาหารที่ใช้ในการซ่อมแซมร่างกายและฟื้นบำรุงอวัยวะส่วนต่าง ๆ แม้ในขณะที่นอนหลับก็ตาม ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าสารอาหารหลักที่ช่วยในการซ่อมแซมร่างกายคือคาร์โบไฮเดรต เปรียบเหมือนน้ำมันรถ และโปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ ที่พบใน เนื้อสัตว์ นม ไข่ และถั่ว ผัก ผลไม้ เหล่านี้เปรียบเหมือนน้ำมันเครื่อง รถจะไม่พังเร็วต้องดีทั้งน้ำมันเครื่อง และน้ำมัน การฟื้นฟูร่างกายแบบนักกีฬามืออาชีพ แนะนำให้รับประทานคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ง่ายที่สุดเช่น นม 1 กล่องหรือโปรตีนเชคที่มีส่วนผสมของคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากการออกกำลังกายซึ่งเป็นช่วงนาทีทองที่ร่างกายเปิดรับสารอาหาร ที่จะไปเก็บในรูปของไกลโคเจนที่กล้ามเนื้อเพื่อใช้ในครั้งต่อไป

*สัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตที่นักกีฬาต้องการต่อวัน อยู่ที่ประมาณ 6–10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมและโปรตีน 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม


4. การคูลดาวน์ และยืดกล้ามเนื้อหลังจากการออกกกำลังกาย

อีกปัจจัยเพื่อการฟื้นฟูร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ คือ การทำคูลดาวน์ ซึ่งเปรียบได้กับการชะลอความเร็วเครื่องยนต์และยืดกล้ามเนื้อหลังจากการออกกำลังกาย ในขณะที่เราออกกำลังกายนั้น ร่างกายจะส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อมากกว่าปกติ หากเราหยุดวิ่งทันทีเลือดจะค้างอยู่ที่กล้ามเนื้อ ทำให้เลือดไม่สามารถเดินทางกลับไปที่หัวใจได้ในทันที การทำคูลดาวน์จะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดกลับไปหัวใจอย่างนุ่มนวล เครื่องยนต์ไม่กระตุก ทำให้เลือดสูบฉีดออกจากหัวใจเพื่อไปยังอวัยวะและเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายได้อย่างดี ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้ดีขึ้นด้วย


5. การขับถ่าย

การขับถ่ายคือปัจจัยสุดท้ายที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลย เพราะการขับถ่ายของเสียทำให้ร่างกายรู้สึกสบายและโล่งมากขึ้น หลายท่านมีปัญหาปวดท้อง อยากถ่ายแต่ไม่ถ่าย จนนอนไม่หลับ ทรมาน ตื่นมาก็งัวเงีย ซึ่งจากงานวิจัยของ Rong Huang (2014) พบว่า คนออกกำลังกายจะท้องผูกน้อยกว่าคนไม่ออกกำลังกาย* เมื่อเราไม่สะสมของเสีย ร่างกายจะฟื้นฟูได้ดีมากขึ้น

อยากท้องโล่ง ท้องสบาย ออกกำลังกายช่วยได้นะครับ


ถ้าคุณปฏิบัติได้ทั้ง 5 ข้อนี้เป็นประจำอย่างมีวินัย ผมเชื่อว่าการฟื้นฟูร่างกายของคุณจะต้องดีขึ้นและแน่นอนว่าจะเกิดผลดีมากมายกับตัวคุณ ไม่ว่าจะเป็นการมีร่างกายที่แข็งแรง กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง และยังสามารถทำผลงานการเล่นกีฬาและออกกำลังกายได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย และไม่ว่าเป้าหมายของร่างกายคุณจะเป็นอย่างไร คุณก็จะสามารถพิชิตมันได้อย่างง่ายดาย


โดย นพ. กรกฎ พานิช คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านโภชนาการของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น (NAB)


กดไลค์เราที่เฟซบุ๊ค พร้อมอีกหลากหลายเคล็ดลับดี ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีและไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉง ได้ที่ www.facebook.com/HerbalifeThailandOfficial

ที่มา : https://siamrath.co.th/n/49201

วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ส่งการบ้าน week 17 ปี 2021 มีวิ่งยาว 31k เพื่องานท่านพ่อคล้าย

 


week นี้ขยันวิ่งทุกวันเลยแต่วิ่งน้อย 5-6k สำหรับวันจันทร์วิ่งยาว 31k ซ้อมเพื่อไปวิ่งงานท่านพ่อคล้ายวาจาสิทธิ์ ที่วัดธาตุน้อย อ.ช้างกลาง จ.นครศรีฯ ที่มีกำหนดจัดงานวันเสาร์ที่ 29 พ.ค. 2564 นี้ แต่ๆ ดูทรงแล้ว ผู้จัดงานคงจัดไม่ได้ แม้อยากจะจัด ทางจังหวัดคงไม่ให้จัด เพราะๆ สถานการณ์ covic-19 ตอนนี้ยังทรงๆ ตัวอยู่ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1500-1900 มาเกือบสัปดาห์