วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เวทอย่างไรทำให้วิ่งดีขึ้นและลดอาการบาดเจ็บ

สวัสดีครับเพื่อนๆ ช่วงนี้ฝนตกบ่อย อาจไม่สะดวกต่อการไปวิ่งข้างนอก บางคนอาจจะแก้ปัญหาด้วยการวิ่งบนลู่วิ่งก็เป็นได้ แต่เมื่อทำไปนานๆ ก็อาจจะเบื่อ เลยอยากแนะนำการผสมผสานการออกกำลังแบบ HIIT เพื่อรักษาความฟิตของร่างกาย เพื่อเวลากลับไปวิ่งอีกครั้งจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป กับ
ตอนที่ 4 “HIIT Workout For (Indoor) Runner”
by Dr.Ruji🏃🏃💪

การออกกำลังด้วยความเข้มข้นสูง (หรือที่เราเรียกว่า HIIT: High Intensity Interval Training) เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากช่วยในการพัฒนาของกล้ามเนื้อและระบบหมุนเวียนของเลือดสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย หรืออยากผลักดันขีดความสามารถที่มีอยู่และ ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญ (Metabolism) ให้ดีขึ้น ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับการวิ่งช้าๆ การเผาผลาญแคลอรี่จากการออกกำลังจะหยุดลงทันทีเมื่อหยุดออกกำลัง ซึ่งแตกต่างจากแบบ HIIT ที่ยังคงมีอยู่แม้ว่าจะหยุดแล้วก็ตาม ซึ่งเราเรียกกันว่า “Afterburn” effect  🔥🔥

การออกกำลังแบบ HIIT นี้เน้นให้อัตราการเต้นของหัวใจขึ้นสูงมากกว่า 80% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด ยกตัวอย่างเช่นถ้าหัวใจเต้นสูงสุดอยู่ที่ 200 ครั้ง/นาที การออกกำลังแบบนี้ควรจะเข้มข้นจนหัวใจเต้นไม่ต่ำกว่า160ครั้ง/นาที⏱… 

สำหรับ HIIT ในการวิ่ง เรียกกันสั้นๆว่า “ลงคอร์ท”🏃🏻 โดยระยะทาง ความเร็ว การพักระหว่างเซตก็จะแตกต่างกันไป ตามแต่ตารางที่คิดกันขึ้นมา แต่รูปแบบที่คล้ายกันก็คือ วิ่งเร็วสลับกับช้า เป็นช่วงๆ เช่น วิ่ง Sprint 400 เมตร แล้วเปลี่ยนมาเป็น Jogging 100 เมตร ทำสลับไปมา 10 รอบ หรือ จะเปลี่ยนช่วง Jogging 100เมตร เป็นการพักแบบกำหนดเวลา เช่น 9 0วินาที ⏱ซึ่งรูปแบบนี้ก็สามารถทำได้บนลู่วิ่งในกรณีฝนตกแล้วไม่อยากออกไปวิ่งตากฝนโดยการเลือก Interval โหมด

ในกรณีที่รู้สึกเบื่อกับการวิ่งบนลู่วิ่งเป็นเวลานานๆ ก็สามารถผสมการออกกำลังแบบอื่นเข้ามาในแทรกระหว่างการวิ่งได้เช่น Circuit training เช่น การทำ Box Dip, วิดพื้น, ดึงข้อ, Box Jump, Burpee  🏋🏻โดยอาจจะทำท่าล่ะ 10ครั้ง เรียงกันไปแล้วปิดท้ายด้วยการ sprint อยู่กับที่ 30 วินาที เป็นการครบ 1 เซท แล้วพัก 2 นาที ทำอย่างนี้ 3-4 เซทก็ได้ ซึ่งทางเพจจะโพสคลิปให้ดูในวันต่อๆ ไปนะครับ (ตอนนี้การโพสคลิปหลายๆคลิปใน FB ทำได้ยากครับ)

สิ่งนึงที่อยากแนะนำก่อนการออกกำลังแบบ HIIT คือการวอร์มอัพให้เพียงพอเพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อพร้อมต่อการใช้งานหนัก🌡และการยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังแล้วเพื่อลดการบีบอัดของทั้งกล้ามเนื้อและเส้นเลือด 🤸🏻‍♂

🚨ทั้งนั้นทั้งนี้การออกกำลังด้วยความเข้มข้นต้องขึ้นอยู่กับสภาวะความแข็งแรงของร่างกายของแต่ละบุคคล ควรจะออกกำลังสม่ำเสมอมาได้ซักระยะนึงก่อนแล้ว ไม่ควรหักโหมในช่วงแรก และถ้าเป็นไปได้อยากให้ปรึกษาแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวนักวิ่งเอง 

ขอให้ทุกคนสนุกกับการออกกำลังกายครับ

ที่มา : https://www.facebook.com/AlphaME.application/photos/a.861251267360201/1094358284049497/?type=3

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561

หยุดวิ่งนานแค่ไหน ความฟิตหายเกลี้ยง

หนึ่งในเรื่องที่นักวิ่งกลัวที่สุด 😱
ความฟิตหาย (!) กลับไปเริ่มใหม่😰
.
2-3 วันก่อนมีผู้อ่าน #รันนิ่งอินไซด์เดอร์ เขียนมาปรับทุกข์เรื่องคล้ายๆ กันอยู่หลายคน ฝนตก งานชุก บาดเจ็บ เดือนนี้ได้วิ่งน้อยมาก "หยุดวิ่งกี่วันความฟิตหายไป ?"
.
ครับ, การวิ่งนี้แปลก เรียกร้องให้เราสนใจเธออย่างสม่ำเสมอ เหมือนคนรัก
ยังไงยังงั้น เผลอหยุดวิ่งไป เธอก็งอนเราจะฟิตหรือแข็งแรงไม่เท่าเดิม 
ความเร็วก็ตก ความเหนื่อยหอบก็คืนมาบางทีเธอก็ตรงไปตรงมากับเราแบบนี้
เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องหมั่นคอยดูแล ถ้าดูแลความฟิตได้ เราก็ดูแลอย่างอื่นในชีวิตได้ครับ
.
นี่เป็นเรื่องที่นักวิ่งหลายคนพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้น
กับ #ชีวิตการวิ่งของตัวเอง
.
มีคำศัพท์ที่น่ารู้ที่อยู่ในหัวข้อนี้ คือ VO2Max (วี-โอ-ทู-แม็กซ์)
.
VO2Max คือ อะไร เรื่องนี้มีอยู่ในตัวเราทุกคนวีโอทูแม็กซ์ เป็นค่าที่แสดงถึงการใช้อ๊อกซิเจนอย่างมีประสิทธิของร่างกายครับ ว่าออกซิเจนจากเลือดส่งไปยังกล้ามเนื้อเพื่อใช้เผาผลาญสารอาหารได้สูงสุดเพียงใด นักกีฬาที่เทรนมาแรมปี มีความเข้มข้นในการซ้อมอย่างต่อเนื่อง ค่า VO2Max ของพวกเขาจะสูงมาก
.
ยกตัวอย่าง คิลเลี่ยน จอร์เน็ต (Kilian Jornet) นักวิ่งเทรลและนักวิ่งสกายรันเนอร์เบอร์ต้นๆ ของวงการมีค่า VO2max สูงถึง 92.0 เต็ม 100 หรือชื่อที่คุ้นเคยเราหน่อยอย่าง แลนซ์ อาร์มสตรอง (Lance Armstrong) ยอดนักปั่นจักรยานในช่วงที่เขาเป็นแชมป์รายการสำคัญๆ (ไม่โด๊ป) ตัวเลขวีโอทูแม็กซ์เขาแตะที่ 84 เต็มร้อย
.
แอดเคยอ่านเจอว่าข้อมูล VO2Max ของนักฟุตบอลบางสโมสรในอังกฤษถูกปิดเป็นความลับสุดยอด (!) เพราะสามารถนำมาทำนายฟอร์มการเล่นของทีมนั้นๆ ได้เลย ที่นั่นมีการพนันอย่างถูกกฏหมาย ค่า VO2Max ค่าความฟิต จึงเป็นตัวแปรที่สำคัญไปด้วย 
.
ทีนี้การวิ่งสะสมของนักวิ่งระดับสมัครเล่นอย่างพวกเราๆ ก็คือ การสะสมแต้มบุญของ V20Max นั่นเอง ยิ่งเราไม่ขาดซ้อมเลย ร่างกายจะปรับตัวและเพิ่มเลเวลวี-โอทูแมกซ์ให้สูงขึ้น เหมือนการฝากประจำไม่ถอน ความฟิตงอกเงยเหมือนดอกเบี้ย เราวิ่งได้ดี เร่งได้ กดความเร็วอย่างที่ต้องการ แหม่...เรื่องนี้มันฟินน์แล้วฟินน์อีก ระบบวีโอทูแม็กซ์ในแต่ละวัย มีชาร์จแสดงด้วยนะครับว่าวัยไหน-เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่า Good ,Exellent ,Average 
.
😅
🤯 
⚡️
แต่ในทางตรงข้าม เมื่อเรามีเหตุให้หยุดวิ่ง วิ่งไม่ต่อเนื่อง วิ่งไม่สม่ำเสมออย่างที่เคยเป็นมา ค่า VO2Max ของพวกเราก็จะลดลง ลดลง และลดลงจนสามารถกลับไปอยู่ในระยะเพิ่งเริ่มต้นวิ่งใหม่ๆ เลยละครับ ไม่ได้เขียนให้ดูโอเว่อร์ แต่ข้อมูลนี้เคยแสดงไว้ในรันเนอร์สเวิล์ด ที่ทำการเก็บข้อมูลจากนักวิ่งอเมริกัน มาลองดูกันหน่อย
.
⚡️
พักวิ่ง 14 วัน : สูญเสีย 5–7% ของ VO2Max 
พักวิ่ง 60 วัน : เสีย 20% ของ VO2Max 
พักวิ่งมา 100 วัน : เสีย 25–30% ของ VO2Max (ลาก่อย)
⚡️
.
นั่นทำให้นักวิ่งอย่างเราๆ กาปฏิทินไว้ได้เลยว่า การหยุดวิ่งเกิน 2 สัปดาห์ แบบไม่ได้ใส่รองเท้าวิ่งเลย เป็นโควต้าสูงสุดที่จะอนุรักษ์คุณวีโอทูแมกซ์ไว้
เพราะเมื่อเลยจากขอบของ 14 วันแล้ว คุณเตรียมตัวหอบแฮ่กๆ พบกลับความหนักหนาของการกู้ความฟิตคืนได้เลย แต่เคสของหยุดเพราะบาดเจ็บ
ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ เพราะนั่นมีเหตุจำเป็นจริงๆ ที่ต้องหายสนิทเสียก่อน ถึงจะซ้อมเท่าเดิมได้
.
📧
ผมตอบเพื่อนๆ ที่อินบ๊อกซ์มาคุยว่า หากไม่ได้วิ่งเลยตลอดสัปดาห์ไม่ว่าจะติดงาน ติดเดินทาง ถูกกักบริเวณ 55+ ผมจะวิธีแบบพี่นิโคลาสเคจใน ConAir ครับ (55+) งงละซิ นั่นก็คือ พยายามเรียกความเหนื่อยหอบจากร่างกายให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการคาร์ดิโอด้วยการกระโดดตบ เป็นเซ็ตๆ การวิดพื้นเป็นเซต หรือปั่นจักรยานบนเทรนเนอร์ที่บ้าน เรียกเหงื่อ ปั๊ม Heart Rate ของตัวเองให้สูงขึ้นมาอยู่ในระดับหอบออกปากสัก 20-30 นาที
วิธีนี้ได้ผลครับ * จะสามารถชะลอค่าการลดฮวบของ VO2Max ที่สะสมมาหลายปีได้ผล 
.
มีเรื่องเล่าที่เจ๋งมากว่า นักวิ่งแถวหน้าคนหนึ่งในรายการ #UTMB ที่ต้องวิ่งข้ามเขาในเทือกแอลป์เป็นระยะทาง 168 กิโลเมตร ความที่เขาทำงานบนแท่นขุดเจาะกลางทะเล เขาอาศัยการวิ่งอยู่ในที่แคบๆ ในที่พัก วิ่งขึ้น-ลงบันไดวันละหลายๆ รอบ เพื่อรักษาระดับความฟิตของตัวเองไว้ เมื่อต้องแข่งจริง เขาก็สามารถเรียกความฟิตสู้กับเขาชันๆ ได้ 
.
⚡️
ต่อมาเมื่อเราหยุดวิ่งไปนานกว่า 2 สัปดาห์ กล้ามเนื้อหลายส่วนไม่ได้รับการกระตุ้น หัวใจไม่ได้ทำงานแบบที่คุ้นเคย การคืนสนามซ้อมก็จำเป็นต้องทำอย่างละมุนละม่อน เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้น เช่น
.
จากเคยวิ่งได้ 1 ชม.ต่อเนื่อง (9-10Km) ก็ให้มาเริ่มวิ่งต่อเนื่องที่ 40 นาทีในเพซที่ช้าลง แหงล่ะ จะให้สปีดเท่าเดิมก็คงไม่ไหว หากเราทำซ้ำๆ สัก 2 - 3 ครั้งแล้วรู้สึกดีขึ้น ก็ค่อยจูนร่างกายกลับไปที่ระยะทางกับความเร็วเท่าเดิมที่เคยทำได้นะครับ การกลับมาหลังหยุดยาว แล้วใส่เต็ม จัดหนัก แอดเคยบาดเจ็บมาแล้วละ ข้อนี้ขอแสดงความปรารถนาดีว่า "อย่าทำตาม"
.
.
. . .
✍️
. . . 
#สรุป 
2 สัปดาห์เป็นช่วงเวลาที่ความฟิตยังไม่หายไปอย่างน่ากังวล
2 เดือน คือ ช่วงเวลาที่ความฟิตหายไป ลาก่อย จนคุณต้องเหนื่อยตามกลับ
คล้ายกลับไปเริ่มใหม่ *แต่ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับพื้นฐานร่างกายแต่ละคนประกอบกันครับ 
.
แต่พูดก็พูดเถอะแอดเองมีกฏกับตัวเองว่าจะไม่หยุดวิ่งนานเกิน 2 วัน
นะเพราะรักในความสุข ความสนุกจากแอนโดรฟินน์ แม้การวิ่งที่ทำอยู่
เป็นประจำจะวิ่งครั้งละ 40-60 นาทีก็ตาม เพราะแอดงกในค่า VO2Max ที่เราลงทุนทำมา เข็ดละกับการไปหอบแฮ่กๆ ปวดเมื่อยกับการเริ่มต้นวิ่งใหม่
แฮ่กๆ 
. . . 
🚀
. . .
:::อ่านมาถึงตรงนี้แล้วขอบคุณครับ ยอดเยี่ยมมาก:::
เอ้าเชิญ #Tag เพื่อนนักวิ่งของคุณที่หายจากสนามซ้อม 
ให้กลับมาวิ่งเรียกความฟิต ได้แล้ว ความเหนื่อยหอบ 
ที่เรารักรออยู่ครับ #เหนื่อยไปด้วยกัน 
.
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก รพ.สมิติเวช
https://bit.ly/2BTSXVH
เช็คอัพค่า VO2max ในแต่ละช่วงวัยได้ที่
https://bit.ly/2wnd3Tb
เรื่องโดย | ©รันนิ่งอินไซด์เดอร์
ภาพ | Freepik 
#หยุดวิ่ง #หยุดวิ่งความฟิตหาย #VO2Max #วีโอทูแม็กซ์
#วิ่งมาราธอน
___________________________________________
หากบทความนี้มีประโยชน์ชวน Like , Share
และกดถูกใจ 💟 เพจ Running Insider หรือ
ตั้งค่า #SeeFirst #เห็นโพสต์นี้ก่อน
เพื่อไม่พลาดบทความที่แอดตั้งใจเขียนมาแบ่งปัน
ขอขอบคุณทุกๆ การติดตาม
___________________________________________
ถ้าคุณชอบเรื่องวิ่ง | เรา คือ #RunningInsider 

ที่มา : https://www.facebook.com/runninginsider/photos/a.255773255188261/314851569280429/?type=3

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561

วิธีวางแผนวิ่งทั้งปีให้ได้ดี

รันเนอร์เจอนี่ไปคุยกับโปรหนำมา ได้ไอเดียแบบรันเนอร์เจอนี่ที่มาเล่าให้ทุกคนฟังกัน สามารถเข้าไปดูคลิปการพูดคุยได้ที่นี่ http://bit.ly/2Lmjril
.
งานวิ่งมีทั้งปี 
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตะบี้ตะบันแข่งทั้งปี นักวิ่งที่ดีควรกำหนดว่า งานไหนคืองานสำคัญของปีจะได้วางแผนซ้อมและแข่งได้ถูก เมื่อถึงวันสำคัญ ผลการแข่งขันจะได้ออกมาอย่างที่คาดหวัง เราไปคุยกับโปรหนำเรื่องการกำหนด race a ,b ของแต่ละคน รันเนอร์เจอนี่ เก็บมาเล่าให้ฟัง มี 6 ข้อต่อไปนี้ 
------------- 
1 กำหนด Race A กับ Race B Race A คือเป้าหมายหลัก สำคัญที่สุดของปี สนามในฝัน ผลการแข่งต้องดี Race B คืองานแข่งที่อาจจะเคยแข่งมาแล้ว ไม่ได้สำคัญมาก ไม่เน้นผลการแข่งขัน วิ่งขำๆ เอาบรรยากาศ
2 “ให้ค่า” ของแต่ละ Race อย่างที่ควรจะเป็น เช่น ปีนี้จะไปโป่งแยง 100 ไมล์ อยากทำเวลาดี ก็วางแผนให้เป็น race a ซะหรือจะไปจอมบึงมาราธอน ทำ sub4 ให้ได้ นั่นคือ race a สนามในฝัน race อื่นๆที่อยู่ระหว่างทาง จึงลดระดับความสำคัญลงมาเป็น race b อย่าให้มากวนเป้าหมายใหญ่
3 “วิธี แข่งใน race b" คือลดระยะลง ไม่จำเป็นจะต้องลงระยะไกลที่สุดของ race นั้น ลงระยะสั้นมาบ้างก็ได้ จะได้สัมผัสบรรยากาศหลังเส้นชัยรอเพื่อนระยะไกลเข้าเส้น
4 “วิธี แข่งใน race b “ ลดความเร็ว นอกจากปรับระยะทางจากมาราธอนก็อาจเป็นฮาล์ฟแล้ว ยังควรความเร็วลดลงด้วยเพื่อไม่ให้ร่างกายกรอบ บอบช้ำ เจ็บก่อนวันสำคัญของปี น่าเศร้านะถ้าแข่งสนามในฝันในสภาพพังๆ
5 การลงระยะสั้นลง วิ่งช้าลง ไม่ได้แปลว่าไม่เก่ง แต่แปลว่าคุณรู้จักหนักเบา สั้นยาว และการให้นำ้หนักความสำคัญในแต่ละ race อย่างแท้จริง ไม่ต้องพิสูจน์ ไม่ต้องใจเกินร้อยลงร้อยโล มันทั้งปี ไปพิสูจน์ใน race a
6 ภายใน หนึ่งปีควรมี race a เพียง race เดียว เราควรสะสมความอยาก ช่วงสะสมเราจะมีพลังเยอะ ให้ไประเบิดพลังใน race ที่ต้องการ บางคนลงงานวิ่งติดๆกัน บอบช้ำ ร่างกายล้า เบื่อ นอกจากดูแลร่างกายเราต้องดูแลสภาพจิตใจด้วย
------------- 
เครดิตต้นทาง
บทความนี้ #Repost หรือโพสต์ซ้ำโดยได้รับ
การขออนุญาตอย่างถูกต้องจากเพจ #RunnerJourney 
ในโครงการ #พันธมิตรเพจวิ่ง 
------------- 
สามารถติดตามเพจรันเนอร์เจอนี่ได้ที่ 
www.facebook.com/runnerjourney
และฟังบทสัมภาษณ์และชมวิดีโอได้ที่
http://runnersjourney.in.th
Repost by ThaiRun ฮับความสุขนักวิ่ง 
24 สิงหาคม 2018

ที่มา : https://www.facebook.com/thaidotrun/photos/pcb.2193177474303024/2193176754303096/?type=3

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ลงคอร์ต ลู่ อื่นไม่ได้เหรอ...?

พี่ ๆ เพื่อน ๆ หลายท่านมักสงสัยว่า
ทำไมต้องสำรองลู่1-2 ไว้สำหรับนักวิ่งที่ใช้ความเร็ว
จริงๆแล้ว นักวิ่งทุกท่านมีสิทธิ์ใช้สนาม
อย่างเท่าเทียมกันหมดครับบบบ...
สาเหตุที่ต้องขอสำรองลู่ 1-2 เพื่อการฝึกซ้อมความเร็ว ก็เพราะ speed work ทุกสูตร จะให้วิ่งเป็นระยะที่เป็นสัดส่วนกับ 400 เมตร เช่น 200, 400, 800 , 1600, 2000 ต้องพยายามวิ่งให้อยู่ภายในเวลาเป้าหมาย เพื่อประสิทธิภาพของการฝึกซ้อม
จึงเป็น เรื่องง่ายต่อการนับและการจับเวลา เเละยังช่วยลดอุบัติเหตุ จากการชนกันเองของนักวิ่งอีกด้วย
ระยะรอบสนามที่ลู่ต่างๆเมื่อวิ่งกลางลู่
ลู่ 1 = 402.58 เมตร
ลู่ 2 = 410.25 เมตร
ลู่ 3 = 417.92 เมตร
ลู่ 4 = 425.59 เมตร
ลู่ 5 = 433.26 เมตร
ลู่ 6 = 440.93 เมตร
ลู่ 7 = 448.60 เมตร
ลู่ 8 = 456.27 เมตร

สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ที่อาจยังเข้าใจ ตามสนามมาตรฐานทั่วไป โดยมารยาทแล้วต้องสำรองลู่ 1-2 ไว้สำหรับคนที่ต้องการวิ่งเร็วหรือฝึกความเร็ว
ถ้าเราวิ่งช้าควรเถิบมาใช้ลู่อื่น อีกอย่างที่ต้องระวังเพื่อความปลอดภัยก็คือ เวลาวิ่ง หากใส่หูฟังจนไม่ได้ยินเสียงภายนอก ควรมองด้านหลังก่อนเปลี่ยนเลนหรือหยุดกะทันหัน เพราะนักวิ่งที่ตามมาอาจมาด้วยความเร็วเกินกว่าจะเบรคทัน หรือแม้จะหลบทัน ก็อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บก็เป็นได้...

นี้ล่ะครับคือเหตุผล สำหรับการสำรองลู่ 1-2
มาวิ่งด้วยกัน ทุกวันพุธ 18:00 - 20:00 น

#TeamBeyond #TempoRun

Cr.Runforlife

ที่มา : https://www.facebook.com/teambeyondsport/photos/a.1678538199052768.1073741828.1668392480067340/1997860603787191/?type=3

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2561

7 เทคนิคป้องกันอาการปวดกล้ามเนื้อหลังฝึกซ้อมร่างกาย

1. ค่อยๆ เพิ่มความหนักของการออกกำลังกายโดยการใช้กฎการเพิ่ม 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์โดยค่อยๆเพิ่มความเร็วระยะทางหรือการขึ้นเขาทีละน้อย
2. สวมใส่เสื้อผ้ารัดรูปสำหรับออกกำลังกายจะช่วยลด DOMS และลดการฉีกของกล้ามเนื้อได้ (เสื้อรัดรูป กางเกงขาสั้นรัดรูป หรือกางเกงขายาวรัดรูป) *แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของชุดเป็นสำคัญ
3. แช่น้ำโดยใช้ดีเกลือ (Epsom Salt)
4. ดื่มน้ำทันทีหลังจากการวิ่ง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรดื่มน้ำทุกๆ หนึ่งชั่วโมงเวลาวิ่ง
5. รับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนสูงหลังจากวิ่งเสร็จ 15 ถึง 30 นาทีอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูงอย่างมันอบ เพราะเป็นตัวเลือกที่ดีและสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ส่วนโปรตีนควรจะมาจากเนื้อที่ไม่มัน ไข่ นมสด หรือผัก
6. เพิ่มการ Cool-Down หลังการวิ่งเสมอ เดิน 10-20 นาที หลังจากวิ่งเสร็จและจากนั้นก็ทำการยืดเส้น ในการยืดเส้นแต่ละครั้งให้ทำค้างไว้ 30 วินาที โดยไม่ขยับ การนวดบำบัดสามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและช่วยลดอาการบาดเจ็บได้
7. อาบน้ำเย็นหลังจากการออกกำลังอย่างหนักอาจช่วยป้องกันอาการปวด เนื่องจากสามารถลดอาการอักเสบได้ ใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่รู้สึกว่าออกแรงมากเกินไป อีกทั้งการว่ายน้ำเบาๆ ก็สามารถช่วยลดการอาการปวดกล้ามเนื้อได้เช่นกัน
cr. www.stepextra.com
กดติดตามเราเพิ่มเติมได้ที่
Instagram: @thenorthfacethailand
ลงทะเบียนรับอีเมล์ข่าวจาก The North Face Thailand
อัพเดทสินค้าใหม่และโปรโมชั่นพิเศษก่อนใคร
http://eepurl.com/cFzWO1

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561

รีวิว 11 สถานที่น่าวิ่งในกทม. ที่คนรักสุขภาพห้ามพลาด!

รีวิว 11 สถานที่น่าวิ่งในกทม. ที่คนรักสุขภาพห้ามพลาด!

การใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ของชาวกรุงเทพฯ นอกจากการทำงาน การช้อปปิ้งแล้ว การวิ่งก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งใน กทม. ก็มีสถานที่เหมาะกับการวิ่งออกกำลังกายหลายแห่งด้วยกัน โดยถูกจัดขึ้นให้มีลักษณะเป็นสวนสาธารณะ เพื่อให้ผู้ที่ออกกำลังกายได้สัมผัสกับบรรยากาศความเป็นธรรมชาติอย่างเต็มที่ พร้อมแล้วเริ่มกันเลย

1. สวนพุทธมณฑล

สวนพุทธมณฑลมีพื้นที่ 2,500 ไร่ สวนนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 เพื่อฉลองวาระกึ่งพุทธกาล ทีเด็ดของที่นี่ไม่ได้มีแค่องค์พระใหญ่ และวิหาร และศาลาปฏิบัติกรรมฐาน เท่านั้น แต่วิธีการจัดสวนของที่นี่ยังมีความสวยงามมากๆ อีกด้วย ใครที่ชอบสไตล์เรียบๆ เซนๆ ก็มีให้ดู ใครที่ชอบวิ่งต้นไม้เยอะๆ ร่มๆ ก็มีให้ ใครที่ชอบวิ่งริมทะเลสาบ ก็มีให้ เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้ทุกบรรยากาศการวิ่ง แถมยังได้บุญติดตัวไปอีกด้วย

โซนที่ฮิตวิ่งกัน ก็แล้วแต่ความสะดวก วันนี้ HonestDocs มาชี้เป้าให้มนุษย์ Healthy อย่างเราๆ ได้ไปลองกันดูจ้า

- รอบเล็กองค์พระใหญ่ อันนี้วิ่งเป็นวงกลม บนกระเบื้องตัวหนอน วิ่งง่ายๆ โล่งๆ รอบองค์พระ รอบนึงไม่ยาวมากประมาณ 400 เมตร



- รอบใหญ่รอบองค์พระใหญ่ สำหรับผู้ที่ชอบเปลี่ยนวิวไปเรื่อยๆ ก็สามารถถอยออกมาให้ได้รอบกว้างหน่อย รอบใหญ่นี้บางช่วงมีต้นไม้ปกคลุมด้วย

- บ่อน้ำหน้าองค์พระ อันนี้ HonestDocs ชอบเป็นพิเศษ รอบละประมาณ 600-700 เมตร วิ่งตอนเย็นๆ พระอาทิตย์ตก มองเห็นแผ่นน้ำเรียบๆ เป็นเงาสะท้อนของดวงอาทิตย์กับองค์พระใหญ่ ฟินสุดๆ ไปเลย



- ทุ่งหญ้ากว้างๆ หน้าสวน อันนี้สำหรับคนที่วิวกว้างๆ เปิดโล่ง ไม่มีอะไรมาบัง มีแทรคให้วิ่งได้

- ถนนรอบพุทธมณฑล เป็นถนนยางมะตอย ตีล้อมรอบสวนเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า อันนี้จะได้ทางตรง ยาวๆ มากๆ ถ้าวิ่งครบรอบ น่าจะเกือบๆ 5 โลเห็นจะได้ (ไม่เคยวัดระยะชัดๆ) อันนี้ขาปั่นจักรยานก็เหมาะมากๆ เช่นกัน

ที่ตั้ง : ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ฝั่งใกล้ถนนบรมราชชนนี

พิกัด Google Maps: 13.7768805, 100.3211527

2. สวนเบญจกิติ

สวนนี้ HonestDocs คิดว่าเป็น Hidden Gem ใจกลางกรุงเทพเลยล่ะ มนุษย์ออฟฟิศเลิกงานตอนเย็นๆ นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตก็ถึงแล้ว และบรรยากาศเรียกได้เลยว่าฟินมากๆ เพราะแทรควิ่ง อยู่รอบบ่อน้ำขุดขนาดใหญ่ แนะนำให้วิ่งตอนเย็นๆ เพราะจะไม่ร้อน การได้เห็นวิวน้ำ ต้นไม้ ตัดกับตึกสูงของ กทม. หลังเลิกงาน (หรือก่อนกลับปทำงานกะดึก) ทำให้รู้สึกว่าชีวิตดี และสดชื่นสุดๆ ลองไปดูแล้วคุณจะหลงรักเลยล่ะ

สวนสาธารณะนี้มีพื้นที่ 130 ไร่ มีระยะทางในการวิ่ง 1 รอบ = 1.8 กิโลเมตร ซึ่งก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้ พื้นหญ้าและบรรยากาศที่ร่มรื่นเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมาะกับการวิ่งหรือใช้เป็นสถานที่ออกกำลังกายได้ดี นอกจากนี้บนเส้นทางนี้ก็สามารถใช้ในการขี่จักรยานได้อีกด้วย



ที่ตั้ง: ถ.รัชดาภิเษก

พิกัด Google Maps: 13.7259376, 100.5587785

3. สวนจตุจักร

สวนสาธารณะบนพื้นที่ 190 ไร่ มีระยะทางในการวิ่ง 1 รอบ = 3 กิโลเมตร ซึ่งที่นี่นอกจากจะเหมาะกับการวิ่งแล้ว ก็สามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยาน การออกกำลังกายด้วยท่าต่างๆ การเต้นแอโรบิค หรือจะใช้เป็นสถานที่สำหรับปิกนิกริมน้ำก็ได้ เพราะอยู่ติดกับริมน้ำพอดี สำหรับบรรยากาศโดยรวม ต้องบอกเลยว่าดีมาก เพราะมีความร่มรื่นและมีลมพัดเย็นสบายตลอดวัน แถมเดินทางสะดวกไม่ยุ่งยาก เพราะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีจตุจักร และรถไฟใต้ดินสถานีกำแพงเพชร



ที่ตั้ง : ถ.กำแพงเพชร

พิกัด Google Maps: 13.8003022, 100.5526265

4. สวนสราญรมย์

สวนสาธารณะขนาดเล็กที่เคยเป็นสวนส่วนพระองค์ของ ร.๕ มาก่อน จึงทำให้สวนแห่งนี้มีความสวยงาม แปลกตากว่าสวนแห่งอื่นๆ ซึ่งมีพื้นที่เพียง 23 ไร่เท่านั้น และมีระยะทางในการวิ่ง 1 รอบ = 500 เมตร เหมาะกับผู้ที่เริ่มวิ่งออกกำลังกายใหม่ๆ แถมมีความเงียบสงบ ร่มเย็น สามารถให้ความเป็นส่วนตัวแก่ผู้ที่มาออกกำลังกายหรือมานั่งเล่นได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะเป็นเพียงสวนเล็กๆ แต่ก็ชวนให้รู้สึกน่าหลงใหลไม่น้อย



ที่ตั้ง : อยู่ระหว่าง ถ.เจริญกรุง ตัดกับ ถ.ราชินี

พิกัด Google Maps: 13.7482954, 100.4952583

5. สวนรมณีนาถ

สวนสาธารณะขนาดเล็กอีกแห่งหนึ่งที่มีพื้นที่แค่ 29 ไร่เท่านั้น และมีระยะทางในการวิ่ง 1 รอบ = 740 เมตร ซึ่งก็อยู่ในเขตของพระนครนั่นเอง โดยที่นี่ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีความร่มรื่นและเหมาะกับการวิ่งเป็นอย่างมาก แถมยังมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กอีกด้วย ใครที่ยังไม่กล้าไปวิ่งที่สวนสาธารณะใหญ่ๆ หรือไม่อยากเจอกับผู้คนที่พลุกพล่านมากเกินไป สวนรมณีนาถ ก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว



ที่ตั้ง : ถ.มหาไชย เขตพระนคร

พิกัด Google Maps: 13.7488819, 100.5026035

6. สวนลุมพินี

สวนสาธารณะที่มีพื้นที่กว้างขวางมากถึง 360 ไร่ และอยู่ติดกับริมน้ำ จึงเป็นสถานที่เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความนิยมมากที่สุด โดยมีระยะทางในการวิ่ง 1 รอบ = 2.6 กิโลเมตร และถึงแม้ว่าที่นี่จะมีผู้คนคึกคักเสมอ แต่ด้วยพื้นที่ที่ว้างใหญ่ จึงยังคงความเป็นส่วนตัวได้เป็นอย่างดี และดูไม่วุ่นวายจนเกินไป นอกจากนี้สวนลุมพินีก็ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองย่านสีลม ที่อยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าและสถานที่สำคัญอื่นๆ อีกมากมาย แถมอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีศาลาแดงและรถไฟใต้ดินสถานีสีลม จึงทำให้สะดวกต่อการเดินทางอีกด้วย



ที่ตั้ง : ถ.พระราม 4

พิกัด Google Maps: 13.7253574, 100.5469742

7. สนาม กกท รามคำแหง

อีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะกับการวิ่งออกกำลังกายที่สุด โดยจะมีลู่วิ่งที่ทำให้ง่ายต่อการนับจำนวนรอบมากขึ้น แต่จะไม่ค่อยร่มเงามากนัก การจะมาออกกำลังกายที่นี่จึงต้องมาในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นที่แดดไม่ร้อนจัดเกินไป นอกจากนี้สนาม กกท รามคำแหง ก็มักจะมีผู้คนมาออกกำลังกายเป็นจำนวนมาก ทำให้มีบรรยากาศที่คึกคักและหาความเป็นส่วนตัวได้ยากพอสมควร ดังนั้นที่นี่จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบ เป็นส่วนตัวนั่นเอง



ที่ตั้ง : ถ.รามคำแหง หัวหมาก

พิกัด Google Maps: 13.7589796, 100.6226243

8. สวนเบญจสิริ

สวนสวยใจกลางเมืองที่ใครๆ ก็อยากจะมาเที่ยวชมความงามดูสักครั้ง แม้จะมีพื้นที่แค่ 29 ไร่ แต่ก็สามารถดึงดูดความสนใจได้ดี โดยระยะทางวิ่งของสวนเบญจสิริ 1 รอบ = 730 เมตร และมีเครื่องเล่นออกกำลังกายทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่อีกมากมาย สำหรับใครที่ไม่ชอบการวิ่งก็สามารถออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นๆ ได้เช่นกัน นอกจากนี้การเดินทางก็สะดวก เพราะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีพร้อมพงษ์



ที่ตั้ง : ถ.สุขุมวิท ระหว่างสุขุมวิท 22-24

พิกัด Google Maps:  13.7308022,100.5654783

9. สวนหลวง ร.๙

สถานที่สำหรับการวิ่งออกกำลังกายที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มากถึง 500 ไร่ และมีระยะทางการวิ่ง 1 รอบ = 5 กิโลเมตร แถมมีวิวทิวทัศน์สวยๆ เหมาะกับการถ่ายรูปอีกด้วย นอกจากนี้บริเวณใกล้ๆ กับสวนหลวง ร.๙ ก็มีร้านอาหารมากมายหลายแห่ง หลังจากวิ่งเหนื่อยๆ จึงสามารถหาอาหารทานเพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้แบบชิลๆ หรือจะใช้เป็นสถานที่นักเล่นเพื่อการพักผ่อนและการปิกนิกก็ได้



ที่ตั้ง : เขตประเวศ

พิกัด Google Maps: 13.730797, 100.567667

10. สวนเสรีไทย

สวนเสรีไทย หรือที่คนในท้องถิ่นจะรู้จักในชื่อสวนน้ำบึงกุ่ม ซึ่งเป็นชื่อเดิมก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นชื่อสวนเสรีไทยนั่นเอง โดยสวนแห่งนี้มีขนาดพื้นที่ 350 ไร่ มีความร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาพันธุ์และบรรยากาศดีมาก ผู้คนส่วนใหญ่จะนิยมมานั่งเล่นริมน้ำมากที่สุด หรือทำกิจกรรมการออกกำลังกาย อย่างเช่นการวิ่ง เต้นแอโรบิค ไทเก๊ก เป็นต้น นอกจากนี้ก็มีห้องสมุดเล็กๆ สำหรับผู้ที่ชอบอ่านหนังสืออีกด้วย



ทีตั้ง : ถ.เสรีไทย

พิกัด Google Maps: 13.7870344, 100.6744787

11. สนามหลวง

สนามหลวง สนามที่มีพื้นที่ประมาณ 74 ไร่ มีระยะทางการวิ่ง 1 รอบ = 1.3 กิโลเมตร สามารถวิ่งออกกำลังกายได้แบบสบายสุดๆ แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่แบบโล่งๆ มีเพียงต้นไม้ที่รายล้อมอยู่รอบสนามเท่านั้น จึงทำให้สภาพอากาศในช่วงกลางวันร้อนมากพอสมควร ดังนั้นหากคิดจะมาวิ่งหรือมาทำกิจกรรมอะไรที่สนามหลวง ควรเลือกเป็นช่วงเวลาตอนเช้าหรือตอนเย็นจะดีที่สุด เพราะแดดยังไม่ร้อนมากนักและมีบรรยากาศดีกว่าช่วงอื่นๆ อีกด้วย



ที่ตั้ง : เขตพระนคร

พิกัด Google Maps: 13.7523458, 100.4920284

กำลังต้องการสถานที่ออกกำลังกายที่เหมาะกับการวิ่งใน กทม. สถานที่เหล่านี้จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดีแน่นอน ซึ่งก็กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและมีบรรยากาศดี ร่มรื่น เหมาะกับการมาเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจที่สุด อยากไปวิ่งที่ไหนก็เลือกได้ตามสะดวก

ที่มา : https://www.honestdocs.co/places-for-running-bkk

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ผลการแข่งขันวังขนายมาราธอน 2018 (ลำดับ 7)

ทำเวลา 4 ชม. 58 นาที ไม่ดีเลย 

วิ่งมาดีๆ จนถึงทางขึ้นวัดถ้ำเสื้อ คนเยอะต้องทยอยๆ เดินกันขึ้นไปเอา check point แล้วก็ลง เดินมังวิ่งมัง เริ่มมีอาการตะคริวจะมา พอลงมาเสร็จ ฝนตก ที่นี้ล่ะ ตะคริวก่อตัว บ่อยขึ้น ทำให้ต้องเดินสลับวิ่ง จนถึง จุดให้น้ำที่ 18 คือเหลือระยะทาง 6 กม. ใช้เวลาช่วงนี้ไปชั่วโมงเต็มๆ (เริ่มวิ่ง 3:30 น. มาถึงวัดถ้ำเสือ 7:30 น. ใช้เวลา 4 ชั่วโมง)


ลองหาสาเหตุดู

1. ตลอดเส้นทาง 34k กินน้ำครบทุกจุด เกลือแร่ได้ตอน 22k หรือเป็นเพราะไม่สบายก่อนเดินทางมา ทำให้เวลาไม่ดี

2. แต่ช่วงฝนตกถนน 6กม.ที่เหลือ สภาพมีน้ำท่วม กอบกับมีรถวิ่งสวน นักวิ่งต้องวิ่งชิดข้างทาง การวิ่งไม่สะดวกเลย แซงลำบากต้องระวังรถ ระวังแอ่งน้ำ

3. การฝึกซ้อมเป๊ะๆ ตามตาราง ไม่น่าใช่สาเหตุ

4. นอนหลับปกติเมื่อคืน โหลดโปรตีน โหลดคาร์ป ปกติ แต่ไม่ได้โหลดน้ำ กินน้ำน้อย

5. การวอร์มอัพ ได้ 20 นาที ครบทุกท่า

น่าจะเกิดจาก ปวดก่อนแข่ง ตามลิงค์นี้ http://ss-running.blogspot.com/2018/08/blog-post_17.html

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ซวยหล่ะ!!! เกิดอาการปวดเข่า ภูมิต้านทานร่างกายลด

เกิดอาการปวดเข่า ภูมิต้านทานร่างกายลด เป็นหวัดอ่อนๆ ปวดเมื่อยไปทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณกลางหลังด้านขวา สาเหตุเกิดจากทำงานหนักหลายสัปดาห์ติดต่อกัน เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ทำงานอย่างหนักแล้วกลับมาซ้อมวิ่งอีก 10K ตามโปรแกรม

ถึงวันนี้ (วันศุกร์) อาการปวดเข่าหายแล้ว เมื่อวานลองวิ่ง 5K ได้ แต่อาการหวัดอ่อนๆ ยังมีนิดหน่อย

ปัญหาคือวันอาทิตย์นี้จะลงแข่งวิ่งมาราธอนที่วังขนายมาราธอน 2018 จะไหวไหมเนี่ย โปรดติดตาม ???

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2561

รายละเอียดงานวิ่งวังขนายมาราธอน 2018 (ลำดับที่ 7)


วังขนายมาราธอน ครั้งที่ 8

วันที่จัดงาน : อาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2561

สถานที่จัดงาน :  วัดวังขนายทายิการาม หรือวัดบ่อน้ำแร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลวังขนาย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี

จัดโดย : กรมอู่ทหารเรือ และชมรมฟอร์รันเนอร์  (จรัญ พงภิทักษ์  Organizer)

หลักการและเหตุผล

กรมอู่ทหารเรือ และชมรมฟอร์รันเนอร์ ร่วมกับวิทยาลัยการอาชีพกาญจนบุรี เทศบาลตำบลวังขนาย โรงเรียนท่าม่วงวัดราฎร์บำรุง และชมรมวิ่งรักษ์สุขภาพท่าม่วง ได้จัดกิจกรรม วังขนายมาราธอน ครั้งที่ 8  เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการรวมพลังของประชาชนในพื่นที่และชมรมวิ่งต่างๆทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันออกกำลังกาย โดยพร้อมเพียงกัน วึ่งได้รับการสนุบสนุนจากเจ้าอาวาสวัด วังขนายทายิการาม รวมทั้งจากหน่วยงานต่างๆภายในจังหวัดทั้งภาครัฐและเอกชน



วัตถุประสงค์ของการจัดงาน

1.เพื่อหารายได้ เป็นทุนอาหาร ยารักษาโรค สำหรับผู้ป่วย คนชรา คนยากไร้ ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในวัดเป็นจำนวนมาก

2.เพื่อให้ประชาชนหันมาออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง

3.เพื่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ และประชาชนทั่วไป และส่งเสริมให้เยาวชน นักเรียน ประชาชน ลด ละ เลิก อบายมุขห่างไกลยาเสพติด ด้วยการออกกำลังกาย







Official Website : https://www.fanaticrun.com/index.php?/activity/view/20180312211036384521/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%AD%E0%B8%99%20%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%208

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ปีนผา ออกกำลังกายเทรนด์ใหม่ ฟิตได้ทุกสัดส่วน!

ลองจินตนาการขณะที่คุณกำลังยึดตัวอยู่บนหน้าผา กล้ามเนื้อสะโพกและลำตัวแข็งตึงเพื่อรองรับร่างกายส่วนร่าง คุณเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย เหยียดแขนข้างหนึ่งไปข้างหน้าเพื่อเหนี่ยวตัวไปยังหิน (หรือหินจำลอง) สเต็ปต่อไป ต้นขาและน่องร้อนผ่าว เพราะต้องทำหน้าที่ยึดเกาะและสร้างความสมดุล มือไปจนถึงปลายนิ้วช่วยในการยึดเกาะและดึงตัวเองขึ้นไป คุณคงนึกออกว่า คุณได้ใช้กล้ามเนื้อของร่างกายทุกส่วนในการปีนผา
คุณคงรู้ว่าการออกกำลังกายคือการใช้กล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะกล้ามเนื้อหัวใจ ต้นแขน หรือต้นขา เมื่อผ่านการฝึกฝนบ่อยๆ กล้ามเนื้อของคุณก็จะแข็งแรง ซึ่งในบรรดากิจกรรมการออกกำลังกายนั้น มีไม่กี่อย่างที่เทียบได้กับการปีนผา
การปีนผาทั้ง 2 แบบ คือทั้ง Climbing (ปีนผาสูง) และ Bouldering (ปีนระยะทางสั้น) เป็นการใช้กล้ามเนื้อเกือบทั้งร่างกาย ขณะที่กีฬาชนิดอื่นอย่างปั่นจักรยาน พายเรือ หรือออกกำลังกายในยิม เป็นการฝึกเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อในจุดเดิมซ้ำๆ แต่การปีนผามีการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนกว่า และเส้นทางหรือ Route ของแต่ละผาไม่มีที่ใดเหมือนกันเลย คุณจึงได้ฝึกกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ทุกส่วนอย่างครบถ้วนทุกครั้งที่ปีน วิธีนี้ถือเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อแบบไดนามิก ซึ่งท้าทายและยากกว่าการใช้กล้ามเนื้อแบบซ้ำๆ เสียอีก
นอกจากจะเป็นการออกกำลังการด้วยการดึง ยก และดันตัวแล้ว การปีนผายังเป็นการช่วยเรื่องระบบไหลเวียนหรือคาร์ดิโอได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย สังเกตได้จากที่เราทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย นักปีนผามีอัตราการตอบสนองของเต้นหัวใจดีกว่าที่เราคาดไว้ ยิ่งปีนผาในระดับสูงขึ้นเท่าไหร่ อัตราการเต้นของหัวใจก็ยิ่งสูงเท่านั้น
และเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ คุณจะยิ่งเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น เชื่อหรือไม่ว่า แม้คนที่มีน้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม และระดับความสามารถในการไต่ผาอยู่ที่ในระดับต่ำ ก็ยังสามารถเผาผลาญแคลอรีระหว่างที่ปีนได้มากถึง 8 – 10 แคลอรีต่อนาทีทีเดียว หากอ้างอิงจากการวิจัยแล้ว การเผาผลาญระดับนี้มากพอๆ กับการออกกำลังการคาร์ดิโอหนักๆ ได้เลย ซึ่งส่วนหนึ่งก็เกิดจากความรู้สึกตื่นเต้นจากการอยู่บนที่สูง ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นด้วยนั่นเอง
นอกจากนี้ การปีนผายังมีประโยชน์ในการสร้างความสมดุลระหว่างการประสานงานของระบบประสาทและสมองด้วย ซึ่งนั่นหมายถึง นอกจากเพิ่มพลังร่างกายแล้ว การปีนผายังช่วยทำให้สมองของคุณทำงานดีขึ้น ซึ่งอาจพัฒนาไปถึงจดจำและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นอีกต่างหาก
นอกจากการใช้กล้ามเนื้อแบบไดนามิกและการทำงานประสานกันของส่วนต่างๆ ในร่างกายแล้ว ยังมีงานวิจัยบางชิ้นกล่าวด้วยว่า การได้ปีนผา Bouldering (ปีนระยะทางสั้น) ต่อเนื่องประมาณ 8 สัปดาห์ สามารถลดความรุนแรงของภาวะซึมเศร้าลงได้
ใครที่กำลังกล้าๆ กลัวๆ ว่าตัวเองจะสามารถปีนผาได้หรือไม่ คำตอบคือ ใครๆ ก็เริ่มต้นปีนผาได้ เพราะไม่ว่าจะผาธรรมชาติหรือผาจำลองก็ล้วนหาได้ไม่ยาก ยิ่งผาจำลองก็ยิ่งสะดวก มีระดับความยากให้เลือกหลากหลาย แถมยังมีอุปกรณ์ต่างๆ ให้ใช้ครบครัน
*อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มต้นออกกำลังกายด้วยการปีนผาหรือถ้าคุณเป็นคนกลัวความสูงก็ควรเลือกระดับความสูงที่เหมาะสม แต่รับรองได้เลยว่า คุณจะได้สัมผัสความท้าทายไปพร้อมกับร่างกายที่แข็งแกร่ง เพียงปีนผาแค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้นเอง
cr. www.sanook.com/health
กดติดตามเราเพิ่มเติมได้ที่
Instagram: @thenorthfacethailand
ลงทะเบียนรับอีเมล์ข่าวจาก The North Face Thailand
อัพเดทสินค้าใหม่และโปรโมชั่นพิเศษก่อนใคร
http://eepurl.com/cFzWO1

ที่มา : https://www.facebook.com/TheNorthFaceThailand/photos/a.325209080950883.1073741828.319471208191337/1283699181768530/?type=3

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561

5 วิธี หลีกเลี่ยงข้อเท้าแพลง

สวัสดีครับ จากบทความก่อนๆ เพื่อนๆคงพอทราบว่าหมอข้อเท้าแพลงตอนวิ่ง city run 🏃🏻‍♂️ เนื่องจากวิ่งตอนกลางคืน พื้นไม่เรียบ และเป็นที่ๆไม่คุ้นเคย ประมาทนิดเดียวเอ็นข้อเท้าซ้ายถึงกับขาด 😰 ต้องหยุดวิ่งจนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้วิ่งมา 7 สัปดาห์แล้ว จากที่ลงแดงอยากวิ่งช่วงแรกก็เริ่มชินกับชีวิตชิวๆที่ไม่ได้วิ่งไปซะแล้ว 😅 ถ้ากลับมาวิ่งได้คงต้องเริ่มสร้างความฟิตกันใหม่หมด หมอไม่อยากให้เพื่อนๆนักวิ่งต้องมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์แบบหมอ เลยรีวิวบทความมาให้อ่านกันเกี่ยวกับการป้องกันไม่ให้วิ่งแล้วข้อเท้าแพลง อ่านจบแล้วก็ไปลดราคาข้อเท้ากันครับจะได้ไม่แพง 🤪😆🤪
💃🏻……………………………………………………………………………………🕺🏻
🎯 ข้อเท้าแพลงเป็นการบาดเจ็บที่พบได้บ่อยในนักวิ่ง 🗝 จุดสำคัญของเรื่องนี้คือคนที่ข้อเท้าแพลงแล้วจะมีโอกาสพลิกซ้ำได้สูงมาก ซึ่งเมื่อมีการพลิกซ้ำบ่อยๆจะทำให้ข้อหลวม สุดท้ายก็จบลงที่ข้อเท้าเสื่อม จะมีอาการปวดตลอดเวลาที่ใช้ข้อเท้า ไม่สามารถวิ่งได้นาน และในปัจจุบันผลการรักษาข้อเท้าเสื่อมเช่นการเปลี่ยนข้อเท้าเทียมก็ยังได้ผลไม่ดีนัก เราจึงควรให้ความสำคัญกับการป้องกันมากกว่า
1.Avoiding high risk situations 🌋 พยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เสี่ยง เช่นที่มืดๆแสงสว่างน้อย ไม่คุ้นเคย พื้นลื่นหรือพื้นผิวไม่เรียบ ถ้าจำเป็นต้องวิ่งควรวิ่งด้วยความระมัดระวัง ไม่ใช้ความเร็วมากเกินไป ควรใช้ Head lamp ถ้าต้องวิ่งในที่มืด
2.Balancing exercise 🤸🏻‍♂️ เป็นการฝึก propioception หรือ การรับรู้ตำแหน่งของข้อและการเคลื่อนไหว ถ้าเราฝึกบ่อยๆจะทำให้เราตอบสนองต่อการปลี่ยนแปลงของข้อได้รวดเร็วขึ้นก่อนที่จะบาดเจ็บ เริ่มง่ายๆโดยการฝึกยืนขาเดียว ต่อมาก็ยืนขาเดียวแล้วหลับตา เมื่อทำได้ดีขึ้นก็อาจจะเป็นการยืนปลายเท้า ค่อยๆเพิ่มความยาก เช่นฝึกยืนบน balance board แทนพื้นเรียบธรรมดา 
3.Strengthening ankle 🏋🏻‍♂️ การฝึกกล้ามเนื้อข้อเท้าและเอ็นให้มีความแข็งแรงจะช่วยลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บได้ โดยฝึกได้ทั้งแบบ isometric คือออกแรงต้านทิศทางต่างๆโดยที่ข้อเท้าไม่ขยับ เช่นขณะเท้าอยู่กับพื้นก็ออกแรงกดลงพื้นด้านนิ้วโป้ง (pronate) ต้านกับพื้น หรือใช้ resistnac band ผูกขาอีกข้างแล้วเคลื่อนไปในทิศทางต่างๆให้เป็นการออกกำลังข้อเท้าข้างที่อยู่กับพื้น ส่วน isotonic คือออกแรงต้านกับวัตถุโดยเราขยับข้อเท้าด้วย เช่นใช้ resistance band รัดที่ปลายเท้าต้านแรงขยับข้อเท้าในทิศทางต่างๆ 
4.Stretching exercise 💪 การยืดเหยียดกล้ามเนื้อทั้งชาก่อนและหลังการออกกำลังกาย นอกจากพบว่ามีส่วนช่วยลดการบาดเจ็บจากการวิ่งแล้ว ยังลดการเกิดข้อเท้าแพลงด้วย
5.Brace or Tapping 🛡 ในการแข่งขันที่มีความเสี่ยงสูง เช่นการวิ่งเทรลที่พื้นไม่เรียบ การพันเทปที่ถูกวิธีแม้ว่ายังเป็นที่โต้เถียงกันว่าช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บข้อเท้าหรือไม่ แต่เนื่องจากยังไม่พบข้อเสีย (ยกเว้นเสียเงินซื้อเทปแบบแพง 💸) จึงแนะนำให้ใช้ในนักวิ่งที่มีความเสี่ยงสูง เช่นเคยข้อเท้าแพลงรุนแรงมาก่อน ข้อเท้าหลวมพลิกบ่อยๆ ส่วนการใช่ brace หรือ support น่าจะไม่เหมาะกับการแข่ง เพราะมันใหญ่ทำให้ใส่รองเท้ายาก จึงแนะนำให้ใส่หลังการบาดเจ็บระยะนึงเพื่อป้องกันการบาดเจ็บซ้ำในชีวิตประจำวัน
💃🏻……………………………………………………………………………………🕺🏻
#ถ้าชอบฝากกดLikeกดShareกดSeeFirstด้วยครับ
Alpha Me the Better Me

ที่มา: https://www.facebook.com/AlphaME.application/photos/a.861343090684352.1073741829.856794214472573/1075216982630294/?type=3

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561

12 ประโยชน์ดีๆบางเรื่องที่คนไม่วิ่ง...ยังไม่รู้

ความเหนื่อย 
ความน่าเบื่อ 
แถมต้องมีวินัย 
ล้วนอยู่ตรงข้ามกับ Mindset ชอบสบาย รักสนุก ไม่อยากฝืน-ทรมาน 
.
นักวิ่งทุกคนล้วนผ่านเรื่องนั้นกันมา
มันต้องมีดีมีประโยชน์ซินะ ถึงได้ติดใจวิ่งไม่เลิกอย่างทุกวันนี้
ขอเชียนเรื่องนี้ให้คนที่สนใจวิ่ง ป้ายยาบีกินเนอร์ เย่ๆ 
.
1.วิ่งเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ได้ผล ช่วยเผาผลาญไขมันดีเกินคาด “การออกกำลังกายต่อเนื่องให้อุณหภูมิสูงขึ้น 1 องศาฯ จากการวิ่ง ร่างกายจะเริ่มดึงไขมันมาเป็นพลังงาน คุณตัวอุ่นมีเหงื่อ ได้ผล ลองเดิน-วิ่งครั้งละ 30 นาที 3 ครั้ง/สัปดาห์ ทำให้ได้เดือนครึ่ง มีผลกับน้ำหนักตัว *ต้องปรับเรื่องกินด้วยน้า
.
2. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ที่คร่าชีวิตอันดับต้นๆ มาฝึกให้หัวใจได้สูดฉีดเลือดนำเพื่อออกซิเจนไปทั่วร่างกายด้วยการวิ่งจ็อกกิ้งสัปดาห์ละ 3 วัน เพราะหน้าที่ของหัวใจ คือ ปั๊มเลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ถ้าหัวใจนำออกซิเจนไปใช้ไม่ดี ร่างกายก็ร่วน 
การวิ่งเป็นประจำ คือ ยาขนานเอกที่คุณไม่ต้องซื้อหาหรือผ่าตัด
.
3. วิ่งทำให้อาการอยากนิโคตินในบุหรี่ลดลง คิดดูนะ บุหรี่ 1 ม้วนทำให้อายุหดสั้นลง 7 นาที แต่วิ่ง 1 ชั่วโมงอายุยืนขึ้น 7 ชั่วโมง ! มาทำให้เอ็นโดฟินน์จากการวิ่งแทนที่นิโคติน เรื่องนี้มีคนทำได้สำเร็จเยอะ เป็น Fact เพราะอีกด้านพอวิ่งแล้วคุณจะอยากมีปอดที่ดีเอาไว้ใช้นานๆ *อ้างอิง | http://bit.ly/2AlCHMm 
.
4.วิ่งทำให้ตระหนักถึงคุณภาพชีวิตที่ดี 
ปัจจุบันมีโรคที่ฮิตมากเรียกว่า NCD – Non-communicable diseases โรคที่ไม่ติดต่อเรื้อรัง แต่เป็นโรคที่เกิดจากไลฟ์สไตล์ หรือ "เราทำตัวเอง" กินอาหารหวานจัด มันจัด เค็มจัด ดื่มหนัก พักนอนน้อย เครียดสะสมแรมปี ปลดล็อคตัวเองไม่ได้
ปลายทาง คือ ห้องผ่าตัด มะเร็ง เบาหวาน ความดัน และโรคอ้วน 
แต่ถ้าเลือกต้นทางเป็นการออกกำลังกาย คุณจะมองหาเวลา Me More time เพื่อตัวเอง ลด ละ เลิก อะไรที่รังแกร่างกายพวกนั้น
.
5.วิ่งทำให้เกิดความมั่นใจตัวเองขึ้น รูปร่างที่เปลี่ยนไป เป้าหมายที่กำหนดแล้วไปถึงได้ด้วยขาตัวเอง คุณจะภูมิใจ ทำนองว่า กว่าจะถึงมาราธอน เราต้องเอาชนะตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ตื่นไปวิ่งไม่เท เราชนะเล็กๆ แล้วค่อยไปชนะใหญ่ ลากจุดจากภาพเล็กๆให้เป็นภาพใหญ่ สุดท้ายได้ "ภาพชีวิต" กลับมา
.
6. วิ่งแล้วทำงานดีขึ้น สมาธิดีขึ้น “Fitter People are more productive on the job” คนที่สุขภาพดีก็ย่อมทำงานได้ดีขึ้นนั่นเอง
.
7. วิ่งแล้วมีเพื่อนใหม่ ได้ไปสถานที่ใหม่ๆ 
รวมๆ แล้ว คือ เปิดประสบการณ์ใหม่นั่นเอง บางคนอาจจะเบื่อที่ต้องซ้อมวิ่งในซอยบ้านซ้ำๆ แต่เขาคิดเสมอว่า กิโลเมตรที่ 35 จะได้ผ่านถนนกินซ่ากลางโตเกียว เสียงเชียร์กระหึ่ม ถ้าไม่วิ่งก็คงไม่มีฝันแบบนั้น
.
8. วิ่งช่วยลบความคิดด้านลบ "หนักก็เพราะยังเก็บ เจ็บก็เพราะยังคิด มีทุกข์ใจ มีสุขใจ เตือนหัวใจ ต่างต้องพบเจอ"
พี่ตูนร้องไว้ ชีวิตร็อกสตาร์คงมีบางด้านที่ต้องการ “วิชาตัวเบา” เชื่อว่าเคล็ดวิชาล้ำเลิศที่พี่อูนค้นพบนั้น ปริศนาธรรมที่ว่า อาจมีการวิ่งเป็นหนึ่งในนั้น หลายๆ ตำราบอกตรงกันว่า การออกวิ่งให้เหงื่อชุ่มสัก 45 นาที ไอ้ก้อนความคิดลบๆ ทำร้ายๆ ก้อนนั้นจะสลายไปจากความคิด Running is therapy ตามเพจนี้ได้เลย เราจะเล่นเรื่องนี้ให้สุด ! 
.
9. วิ่งนั้นง่าย เงื่อนไขในตัวมันมีน้อย จะที่ไหน เวลาไหน คนเดียวก็ได้ ผูกเชือกรองเท้าแล้วออกไป คนที่ทำให้มันยากก็มีแต่เราเองนั้นแหละครับ
.
10.วิ่งแล้วทำให้ความรักและความสัมพันธ์เรื่องนั้น “ซู่ซ่า ฉ่ากว่าเดิม” ขออภัยข้อนี้ไม่ได้ 18+ ครับ 
แต่ว่าการวิ่งสะสมสัปดาห์ละ 90 นาทีขึ้นไป ตามงานวิจัยของสถาบัน Kinsey Institute มหาวิทยาลัยอินเดียน่า ที่สนใจศึกษาเรื่อง Human Sexuality พบว่าการวิ่งจะช่วยกระตุ้นสารสื่อประสาทเซโรโทนิน (serotonin) และโดพามีน(Dopamine) จะช่วยให้ร่างกายไวต่อการกระตุ้นเร้า การตอบสนองซึ่งกันและกัน แอร๊ยย ! ยิ่งไปกว่านั้นการที่คู่รักมีรูปร่างที่ดีจากการออกกำลังกาย ก็เป็นปัจจัยหนึ่งของการครองรักด้วย
.
11.วิ่งแล้วมีความสุขกับการกิน แหงล่ะ ว่าอาหารอร่อยไม่เคยเป็นที่ปฏิเสธ นักวิ่งพอวิ่งไปสักระยะจะเห็น
การคำนวณเรื่องเผาผลาญพลังงาน เช่น วิ่ง 1Km เบิร์นไป 70 แคลอรี่ เราจะยิ้มกับอาหารตรงหน้า เพราะรู้ว่าจะใช้
พลังงานมื้อนี้ไปกับการวิ่งได้ ในทางกลับกันถ้า Input อย่างเดียว ไม่ Output เลย อายุเพิ่มขึ้น ระบบเผาผลาญพัง
ลงพุงก็มา โอ๊ย..เรื่องยาว
.
12 วิ่งคืออนาคตใหม่ของคุณนั่นเอง ! จริงๆ ยังเขียนได้อีกหลายข้อ แต่ขอฮุคกับท่อนนี้ที่ว่า หลายประเทศในโลกมีนโยบายทางการแพทย์การรักษาใหม่ๆ นั่นคือ “การป้องกัน ย่อมดีกว่าการรักษา” ดังนั้น ถ้าประเทศ 
การสร้างนักวิ่งนักรักสุขภาพขึ้นมาได้ 1 คน นั่นลดงบประมาณได้เป็นโดมิโน่เลย เราออกวิ่ง 1 คน อย่างน้อยคนในครอบครัวเห็น เพื่อนเห็น เริ่มสนใจ เราน้อมนำสิ่งดีๆ หากัน จากการวิ่ง แน่นอนว่าก็จะเป็นโดมิโน่ตัวที่ 1 เหมือนกัน
.
#สรุป 
. . .
✍️
. . . 
หากการวิ่ง คือ การล้มตัวไปข้างหน้า แล้วก้าวขาออก 
เรามาล้มไปด้วยกัน เหนื่อยไปด้วยกันนะ
.
เพราะการวิ่ง คือ โดมิโน่ตัวแรก 
________________________________________
ขอบคุณที่ทุกๆ Like & Share เป็นกำลังใจให้เพจนี้ครับ
©Original Post | #RunningInsider
All rights reserved 27 กรกฎาคม 2018 

ที่มา : https://www.facebook.com/runninginsider/photos/a.255773255188261.1073741828.252080558890864/283073709124882/?type=3

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561

5 คำถามพื้นฐานเรื่องวิ่งเหล่านี้…มีคำตอบ

>>เราควรเปลี่ยนรองเท้าวิ่งเมื่อไหร่ดี?
เมื่อเราวิ่งกันมาซักพักใหญ่ๆ รองเท้าวิ่งของเราก็จะค่อยๆ เสื่อมคุณภาพลง ทางทฤษฎีเราคุยกันว่า เราควรเปลี่ยนรองเท้าที่ระยะ700กิโลเมตรขึ้นไป ซึ่งถ้าใครไม่มีนาฬิกาวิ่งก็คงไม่สะดวกที่จะรู้ว่ารองเท้าวิ่งของเราใช้วิ่งไปกี่กิโลเมตรแล้ว แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาควรเปลี่ยนรองเท้า
1. สังเกตที่ส้นรองเท้ามักจะสึกไม่เท่ากัน แต่ละข้างไม่สมมาตรกันระหว่างซ้ายและขวา ที่พบบ่อยๆคือ ส้นเท้าด้านนอกจะสึกและบางจนทำให้เราสามารถยืนแบะออกนอกได้เลย ทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเจ็บที่ข้อเท้า, เอ็นร้อยหวาย และ รองช้ำ
2. สังเกตว่าบริเวณนิ้วก้อยเท้าเริ่มมีรอยขาด
3. กาวเริ่มเสื่อมคุณภาพ ทำให้ชิ้นส่วนรองเท้าบางส่วนอาจหลุด
อาการเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าเราควรเปลี่ยนรองเท้าวิ่งได้แล้วครับ


>>กินเจลพลังงานไปทำไม?
เจลพลังงาน ส่วนใหญ่จะเป็นคาร์โบไฮเดรต กินเพื่อให้มันเป็นพลังงานให้เราสามารถวิ่งได้ต่อเนื่อง (เหมือนรถต้องเติมน้ำมัน) ส่วนใหญ่เราก็จะกินกันเมื่อเราต้องวิ่งในงานแข่งขันระยะไกลๆ เช่น ฮาร์ฟมาราธอน มาราธอน หรือไกลกว่ามาราธอน ซองนึ่งจะให้พลังงานประมาณ1xxกิโลแคลอรีขึ้นไป การกินเจลที่ถูกต้องคือ
1. กินก่อนพลังงานหมด ส่วนใหญ่เราจะกินเมื่อใช้พลังงานไปประมาณ400-500กิโลแคลอรี หรือประมาณ 30-45นาที หรือประมาณทุกๆ 7-8 กิโลเมตร
2. เจลบางยี่ห้ออาจหนืดคอ จึงควรกินเมื่อใกล้ๆถึงจุดให้น้ำ กินเจลเสร็จก็ดื่มน้ำตาม
3. ถ้าสามารถเลือกได้ ควรเลือกเจลที่ใช้น้ำผึ้ง เพราะร่างกายจะใช้พลังงานจากน้ำผึ้งได้นาน ไม่วูบวาบขึ้นลงเหมือนน้ำตาลชนิดอื่น

>>10อย่างเพื่อการไปวิ่งในเมือง หรือ “city run” ควรเตรียมอะไรไปบ้าง?
1. ควรมีกระเป๋าวิ่งคาดเอว ถ้าไม่แน่ใจเส้นทางว่ามีร้านน้ำขายหรือไม่ก็ควรใช้แบบที่สามารถเสียบกระติกน้ำในตัว
2. โทรศัพท์มือถือ เผื่อไว้ใช้ถ่ายรูปหรือติดต่อสื่อสาร
3. ถุงซิบล็อคขนาดเล็กสำหรับใส่ธนบัตร จะได้ไม่เปียกเหงื่อ (ใช้ถุงใส่ยาที่ได้มาจากโรงพยาบาลก็ได้)
4. เงินตามความเหมาะสม ใส่ในถุงซิบล็อค
5. บัตรประชาชน

6. รองเท้าและถุงเท้า ถ้าวิ่งในหน้าฝนก็ใช้รองเท้าแบบที่เกาะถนนมากหน่อย ถุงเท้าก็ใช้แบบแห้งเร็ว
7. ชุดวิ่ง เลือกใส่ตามสะดวก แต่ถ้าวิ่งเวลาค่ำก็ควรเลือกเสื้อผ้าสีสว่างหรือมีแถบสะท้อนแสง
8. อื่นๆ อาทิ ยาที่จำเป็น, ทิชชู่เปียก (ไว้เช็ดหน้าหรือไว้ใช้ถ้าเกิดหกล้ม), โลชั่นกันแดด, นาฬิกาวิ่ง (จะได้สะสมเส้นทางและระยะทาง), ไฟฉายคาดหัว (สำหรับการวิ่งเวลาโพล้เพล้หรือกลางคืน)
9. เพื่อน ควรมีเพื่อนวิ่งไปด้วยจะดีกว่า นอกจากจะได้คุยกันม่วนซื่นแล้ว เผื่อฉุกเฉินจะได้พอช่วยเหลือกันได้
10. สติ เพราะการวิ่งในเมือง เราต้องคอยสังเกตเหตุการณ์รอบตัว เช่น พื้นที่เราวิ่ง,ไฟเขียวไฟแดง, รถที่วิ่งไปมา, น้องหมาและอุนจิ การมีสติจะช่วยให้เราวิ่งแล้วปลอดภัยขึ้น ดังนั้น หูฟังเพลงก็ไม่เหมาะกับการใส่ไปวิ่งในเมือง เพราะจะทำให้การได้ยินเสียงรอบๆตัวของเราลดลง


>>วิ่งเสร็จ กินอะไรดี?
ถ้าเพิ่งวิ่งเสร็จมาใหม่ๆ ดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่หรือน้ำหวานเพื่อชดเชยพลังงานที่เสียไปมากๆระหว่างวิ่ง
ภายใน 1-2 ชั่วโมง ควรทานโปรตีนในปริมาณที่มากพอ เพราะร่างกายต้องการนำโปรตีนไปซ้อมสร้างกล้ามเนื้อที่สึกหรอ
สังเกตได้ว่า เราจะฟื้นตัวได้เร็วถ้าวันไหนวิ่งแข่งมาแล้วได้รับโปรตีนมากพอหลังแข่ง

>>ซักชุดวิ่งยังไงดี?
– อย่าปล่อยทิ้งไว้นานข้ามวัน เพราะมันจะเหม็นเหมือนกลิ่นฉี่ (กลิ่นยูเรีย)
– แช่ผ้ากับผงซักฟอกและน้ำยาขจัดแบคทีเรียซักครึ่งชั่วโมง
– ซักมือก็ได้ ซักเครื่องก็ดี แต่ถ้าซักเครื่องควรเลือกโปรแกรมสำหรับชุดกีฬา หรือตั้งรอบปั่นไม่สูงเกินไป
– ไม่ต้องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม ปกติชุดกีฬาเป็นผ้าใยสังเคราะห์ จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม การใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยังอาจทำให้เกิดการหมักหมมของกลิ่นอับในเนื้อผ้าอีกด้วย

#โจบิตะ
#ศิษย์พี่คม
#น้องพี่ปู
#TeamBeyond
#BeyondRunning
#GoTogether

ที่มา : http://www.teambeyondsport.com/5คำถามพื้นฐานวิ่ง/

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2561

การฝึกวิ่งของผมไม่มีอะไรเป็นความลับ

การฝึกวิ่งของผมไม่มีอะไรเป็นความลับ
สิ่งสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง
มัน คือ ความเชื่อ
เชื่อในความเป็นไปได้ว่า 
เราสามารถฟันฝ่า 
ก้าวผ่านเรื่องที่ยากเย็นให้เป็นไปได้
.
คุณต้องค่อยๆ สร้าง
ความเชื่อข้อนั้นขึ้นในทุกๆ วัน
ทุกๆ การวิ่ง
.
สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นได้
จากการทุ่มเทของคุณเอง
ทำต่อไปและจงเชื่อว่า
พวกเราจะวิ่งอย่างโบยบิน 
#Wefly
#NikePagasusTurbo
- เอลิอุด คิปโชเก้ -
นักวิ่งมาราธอนชาวเคนย่า 
เจ้าของสถิติ #Breaking2 | 2:00:25
เล่าเรื่องนี้ไว้ในโอกาสเยือนโตเกียวครั้งแรก
Nike Zoom Camp Tokyo 2018
Ref | https://youtu.be/e6kmjDjtzEA 

ที่มา : #RunningInsider 

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2561

การวิ่ง | ก็เหมือนการฝึกวิทยายุทธ์

สำหรับข้า การวิ่งเปรียบเหมือนการฝึกวิทยายุทธ์ 
เริ่มเข้าสำนักจากเป็นศิษย์ขั้นต้น 
ท่านอาจารย์แทบไม่ให้หยิบจับกระบี่ ให้แต่แบกน้ำผ่าฟืน 
สะสมกำลังภายในให้จนแก่กล้าพอ
ท่านอาจารย์ถึงเริ่มสอนกระบวนท่าและการใช้กระบี่
หากเจ้าเริ่มหยิบกระบี่ตั้งแต่วันแรกที่เข้าสำนัก
มันอาจทำร้ายเจ้าก่อนที่เจ้าออกสู่ยุทธภพก็เป็นได้
กระบี่บาดเข่า บาดน่อง บาดเอ็นร้อยหวาย เพื่อนข้าเจอมามากนัก
มะ. ศิษย์น้อง. ไปกับข้า
ข้าจะพาเข้าออกสู่ยุทธภพการวิ่งอย่างปลอดภัย

.

⭕ การฝึกกำลังภายใน
ขั้นตอนนี้เป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมจากภายใน 
ไม่ใช่แค่การซื้อรองเท้าคู่แพง เอ้ย ข้าหมายถึงกระบี่ดีๆ
จับมากวัดแกว่งทันทีที่เจ้าเริ่มเข้าสู่วงการ 
.
การฝึกวิ่งโซน 1 และโซน 2 เป็นการสะสมกำลังจากภายใน 
เป็นการสร้างความอึดขั้นพื้นฐาน 
ทำให้ร่างกายรู้จักใช้พลังงานจากไขมันให้เป็น 
เมื่อพื้นฐานดีจึงค่อยต่อยอดด้วยกระบวนท่า 
พื้นฐานดีย่อมเสริมให้กระบี่ยิ่งคม
.
ช่วงแรกอาจจะต้องเบื่อกับการวิ่งช้า
เหมือนกับที่ข้า ที่เบื่อกับการผ่าฟืนแบกน้ำ 
เพื่อคุมหัวใจในโซน 2 ร่างกายแข็งแรง
.
ข้าก็เพิ่งเข้าใจก็วันนี้นี่เอง 
ว่าทำไมในวันแรกที่เข้าสู่วงการ 
อาจารย์ไม่ยอมให้เริ่มใช้กระบวนท่า 18 วรยุทธ์เลย
จะได้ไม่ต้องบาดเจ็บ เหมือนที่เพื่อนๆของข้าเป็นนี่เอง
.
.
.

⭕ กระบวนท่าวิชา
ถัดมาจาการเตรียมความพร้อมให้ร่างกาย 
ข้าขอเปรียบกระบวนเพลงวิชา ว่ามันคือ 
ฟอร์มการวิ่ง หรือ ท่าวิ่ง นั่นเอง 
.
ท่าวิ่ง มีผลต่อความเร็ว 
ความเร็ว มีผลต่อลมหายใจ
.
ท่วงท่าการเคลื่อนของฝ่าเท้า ยันไปถึงฝ่ามือ
การใช้กล้ามเนื้อในส่วนต่างๆอย่างสอดคล้อง
จังหวะการวางเท้า วิ่งในท่าที่เหมาะกับสรีระของเจ้า
การลงเท้าที่สมูทไร้เสียงแปะ
.
เหล่านี้มันป้องกันเจ้าจากอาการบาดเจ็บ 
แถมเพิ่มความเร็วและลดความเหนื่อยของเจ้าด้วย 
.
แม้นว่ากระบวนท่าของเจ้าดีแล้ว 
การออกจากยุทธจักร 5K ไปสู่ยุทธภพ 10K หรือ 21K 
แม้แต่ยุทธภพ 42K ก็ทำได้โดยไม่ยากนัก

.
.
.

⭕ พลังยุทธ
แม้การวิ่งโซน 1-2 มันเตรียมความพร้อมพื้นฐาน
แต่มันหาได้ทำให้ร่างกายของเจ้าแกร่งขึ้นไม่
มันอาจไม่พอในการออกสู่ยุทธภพสนามจริง 
เจ้าต้องเสริมความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ เปรียบดั่งเพิ่มพลังยุทธ
.
การฝึกวิ่งโซน 3 โซน 4 โซน 5 บ้าง นั่นคือคำตอบ
ตารางการซ้อมวิ่ง Interval, Negative Splits, Tempo 
เคล็ดวิชาพวกนี้ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น 
เป็นการสร้าง core body 
การทำ drill สร้างความยืดหยุ่นให้ร่างกาย 
เหล่านี้เปรียบเหมือนกับการ up HP ให้พลังยุทธของเจ้า
.
(ท่านอาจารย์กรุณาพูดภาษาไทย หรือ อู้กำเมืองก่ะได้ 
อ้ายฟังท่านไม่ออกเลย ภาษาอะไรของท่าน
ท่านอาจารย์ พลันชี้มือไปที่ Google 
บอกว่า "ไปหาอ่านเอา")

.
.
.

⭕ กระบี่คู่กาย 
จอมยุทธใดไร้กระบี่คู่กาย ผู้นั้นหาใช่จอมยุทธไม่
กระบี่ชิ้นสำคัญของนักวิ่ง คือ รองเท้าคู่ใจ
.
รองเท้าคู่แพง อะ..เอิ่ม ข้าหมายถึงกระบี่
กระบี่ที่ทั้งยุทธจักรว่าดี อาจจะไม่เหมาะกับ(ตรีน)เรา
ลี้คิมฮวง อาจไม่ได้ใช้หอกทวนไนกี้
แต่กลับใช้แค่มีดสั้นนันยาง
.
จะใช้กระบี่ ต้องทดลองกวัดแกว่ง
เจ้าจะเอากระบี่ ที่ไม่เคยทดลอง
ออกตระเวณยุทธภพได้อย่างไร
.
กระบี่ต้องลองฉันใด
รองเท้าก็ต้องลองฉันนั้น 
หาไปจนเจอ รองเท้าคู่ใจ
ซึ่งอาจไม่ใช่ รองเท้าคู่ดัง

.
.

⭕ เมื่อนำทุกสิ่งมาประกอบกัน 
กำลังภายในแข็งแกร่งจากลมปราณ 
กระบวนท่าเทพยุทธ
พลังยุทธแข็งแกร่ง
และกระบี่ไร้เทียมทาน 
เจ้าก็พร้อมที่จะตะลุยยุทธจักรได้อย่างมีความสุขแล้ว

.

"แต่อย่าลืมเรื่องสำคัญ"
.
ท่านอาจารย์มักกล่าว ก่อนก้าวเท้าออกรั้วเส้าหลิน
.
"เราฝึกวิทยายุทธ ไม่ใช่เพื่อเข่นฆ่าคู่แข่ง
แต่ยุทธจักร จะมีความสุข เมื่อเราอยู่ด้วยเกื้อกูล
กดแชร์โพสต์นี้ แบ่งปันเคล็ดวิชานี้ ตามสะดวก
เหล่าเพื่อนจอมยุทธที่เจ้ารัก
จะได้พร้อมวิ่งตะลุยยุทธภพอย่างมีความสุข"

.

#ThaiRun
| Thailand’s Running Media
.
Original Post: @HappyMonster
เพิ่มเติมจาก บทความยุทธจักรการวิ่ง โดย #พ่อบ้านรันเนอร์
บทความท่านดียิ่งนัก ข้าขอคารวะ 1 จอก
ยุทธจักรการวิ่ง Original post | https://goo.gl/8UNZ5E

ที่มา : https://www.facebook.com/thaidotrun/photos/a.1694377410849702.1073741828.1658834907737286/2163645300589575/?type=3&theater