หากพูดถึงสนามกีฬาแต่ละประเภท แค่พูดชื่อกีฬานั้นๆ เราก็อาจจะพอนึกภาพกันได้อยู่ว่าเป็นลักษณะแบบไหน อย่างไร ซึ่งสนามกีฬาส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพื้นที่ปิด มีขอบเขต มีรั้วกั้น มีแนวแบ่งเขตชัดเจน โดยที่ภายในสนามแข่งขันก็จะสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะนักกีฬาที่ลงแข่งขันเท่านั้นลงไปได้ จะยกเว้นก็เพียงแต่กรรมการ หรือผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน เช่น สนามฟุตบอล สนามแบดมินตัน สนามวอลเล่ย์บอล สนามบาสเก็ตบอล สนามกอล์ฟ เป็นต้น
.
แต่สำหรับการแข่งขันวิ่งมาราธอนนั้น ส่วนใหญ่มักจะวิ่งกันบนท้องถนน ไม่ได้มีขอบเขตถาวร โดยจะขึ้นอยู่กับระยะทางที่กำหนดในแต่ละครั้งที่จัดแข่งขัน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิด คล้ายๆ กีฬาที่แข่งกันบนถนนชนิดอื่นๆ เช่น การแข่งรถแบบแรลลี่ ปารีสดาการ์ หรือ การแข่งจักรยานทางไกล ตูร์เดอฟรองส์ เป็นต้น ซึ่งการแข่งขันเหล่านั้นมักจะมีการแบ่งเขตเพื่อกั้นระหว่างนักกีฬาและผู้ชมหรือกองเชียร์ต่างๆ อย่างชัดเจน เพื่อป้องกันอันตราย และเพื่อให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างราบรื่น และสนามแข่งขันวิ่งมาราธอนในต่างประเทศก็มักจะมีการแบ่งเขตกั้นโซนชัดเจนเช่นเดียวกัน
.
แต่พอมาเป็นสนามแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองไทยนั้น หลายๆ งาน ยังคงเห็นกองเชียร์ ผู้ชม ญาติ สัตว์เลี้ยง หรือแม้กระทั่งคนที่วิ่งจบไปแล้ว ลงไปวิ่งอยู่ในสนาม ในเส้นทางแข่งขัน ไปวิ่งเชียร์ ไปวิ่งลากคนที่ยังวิ่งไม่จบ หรือแม้กระทั่งหน้าเส้นชัย ที่มักจะแวะมาถ่ายรูปกันอยู่บ่อยๆ นอกจากจะเป็นการกีดขวางการแข่งขันแล้ว ยังถือว่าไม่ให้เกียรตินักกีฬาที่ยังแข่งขันไม่จบ และไม่ให้ความเคารพกับสนามแข่งขันแห่งนั้นอีกด้วย ยังไม่รวมถึงนักวิ่งที่ผิดกติกา เช่น ไม่ติดหมายเลขแข่งขัน หรือ วิ่งผิดประเภท ผิดระยะ และถ้าหากมองย้อนในอีกมุม คนที่ประสบเหตุกลับเป็นเราหรือเพื่อนของเราแทน ก็คงเกิดความไม่พอใจขึ้นมาได้ และอาจทำให้ผู้แข่งขันพลาดโอกาส พลาดสถิติใหม่ หรือร้ายแรงจนถึงขั้นเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บก็เป็นได้
.
ดังนั้น มาร่วมกันเสริมสร้างและปลูกฝังจิตสำนึกในการเป็นนักกีฬาที่ดี นักวิ่งที่ดี กองเชียร์ที่ดี ผู้ชมที่ดี ร่วมสร้างสนามวิ่งถนนให้เป็นสนามแข่งขันจริงๆ เป็นพื้นที่สำหรับนักวิ่งมาราธอนที่สมัครลงแข่งขันจริงๆเท่านั้น เฉกเช่นสนามแข่งขันมาราธอนระดับโลกในต่างประเทศ หรือสนามกีฬาประเภทอื่นๆ กันนะคะ
.
ด้วยความหวังดี จาก แอดมินเพจ MICE Channel นะจ๊ะ 😘
วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
จะเกาะ pacers ทีมต้องมี 4 รู้
จะเกาะ pacers ทีมต้องมี 4 รู้ โดยเฉพาะระยะ 21.1 และ 42.195 กม.
เช่น จะวิ่งเกาะไปกับ ทีม pacers 4:30 ชม.
1) ทีมเขาวิ่ง pace นิ่งๆ ตลอดทางหรือไม่
2) บางทีมเร่งสลับผ่อนโดย pace เฉลี่ยยังอยู่ในค่าที่กำหนด
3) บางที่วิ่งเร็วกว่า pace ที่กำหนด แล้วไปผ่อนตอนท้ายเพื่อเฉลี่ยน pace ให้ได้เวลาที่กำหนด
4) อื่นๆ เดิน สลับวิ่งก็มี
5) หนักสุดคือ ทีม pacers พกขวดน้ำ พี่ไม่แวะจุดบริการ คนตามแวะ ก็ต้องใช้พลังรีบๆ ดื่ม รีบวิ่งตาม
#pacersทีมแต่ละสนามให้ข้อมูลกลวิธีที่จะใช้ไว้ก็ดี
#แอดตามpacersทุกทีมในสนาม #pacersวิ่งแซงไปทีละทีมจนสุดท้ายsweeper
#แนะนำให้วิ่งคุมเชิงห่างๆ10ถึง20เมตร
KKRN
เช่น จะวิ่งเกาะไปกับ ทีม pacers 4:30 ชม.
1) ทีมเขาวิ่ง pace นิ่งๆ ตลอดทางหรือไม่
2) บางทีมเร่งสลับผ่อนโดย pace เฉลี่ยยังอยู่ในค่าที่กำหนด
3) บางที่วิ่งเร็วกว่า pace ที่กำหนด แล้วไปผ่อนตอนท้ายเพื่อเฉลี่ยน pace ให้ได้เวลาที่กำหนด
4) อื่นๆ เดิน สลับวิ่งก็มี
5) หนักสุดคือ ทีม pacers พกขวดน้ำ พี่ไม่แวะจุดบริการ คนตามแวะ ก็ต้องใช้พลังรีบๆ ดื่ม รีบวิ่งตาม
#pacersทีมแต่ละสนามให้ข้อมูลกลวิธีที่จะใช้ไว้ก็ดี
#แอดตามpacersทุกทีมในสนาม #pacersวิ่งแซงไปทีละทีมจนสุดท้ายsweeper
#แนะนำให้วิ่งคุมเชิงห่างๆ10ถึง20เมตร
KKRN
วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
pm 2.5 Cr.อ.มหิดล
น้อง ๆ ทุกคน ขอให้สละเวลามาอ่านข้อความนี้หน่อยนะครับ
pm 2.5 จริง ๆ แล้ว มันคือ อนุภาค (Particle) ที่เมื่อเข้าไปในร่างกายแล้ว จะทำหน้าที่เป็นแหล่งสะสมของอนุมูลอิสระ
การทาน.. วิตามินซี 1000 mg วิตามินบีเข้มข้น และ Q.10 สามารถป้องกันอนุมูลอิสระได้ เมื่อร่างกายรับ pm 2.5 เข้าไปแล้ว ตัว Vit.C , B, Q.10 จะทำหน้าที่ในการช่วยจับอนุมูลอิสระ ที่มาจากอนุภาค pm 2.5 และระบายออกไปจากร่างกายได้มากพอสมควร ดังนั้น ช่วงนี้ทานเถอะครับ Vitamin C, B, Q10
และแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายโดยเฉพาะการวิ่งในพื้นที่กลางแจ้ง (วันนี้ไปมหา'ลัยมา เห็นหลายคนยังวิ่งกันอยู่ นี่น่ากลัวมากนะ เพราะเป็นการเร่งให้สารพิษเข้าไปในร่างกายของเรา)
หน้ากากนี่ไม่ใช่ N95 มันกันได้จริงแต่ไม่มากนะครับ เครื่องกรองอากาศเป็นเครื่องมือตัวช่วยที่เหลือเพียงอย่างเดียวในสถานการณ์นี้ เป็นไปได้ ก็ไปซื้อเถอะครับ และพยายามอยู่ในที่ร่มที่มีการกรองอากาศ
การปลูกต้นไม้กลุ่มลดสารพิษ เช่น ต้นวาสนา ต้นลิ้นมังกร ต้นพลูด่าง ช่วยลดมลพิษได้จริง ๆ เพราะต้นเหล่านี้ปล่อย ไอน้ำขนาดเล็กในอากาศ เพื่อดูดซับมลพิษได้
น้อง ๆ ครับ กว่าจะปัญหานี้เบาบางลง เราต้องรอไปถึงต้นมีนาคมเลยนะครับ (ลมตะวันออกเฉียงใต้ หรือลมร้อนจากทางใต้ ถึงจะพัดมาระบายฝุ่นควัน) การรับมลพิษในระยะเวลาช่วงนี้ มันนานพอจะทำให้เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องได้ง่าย ๆ เลยนะ (เหมือนอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ตลอดเวลา) ดังนั้น พยายามปฎิบัติตัวแบบที่บอกไปนะครับ
ดูจากการแก้ปัญหาของรัฐบาลแล้ว บอกได้ตามตรงว่า ไม่มีทางสู้กับปัญหาได้ เราต้องดูแลตัวเองเท่านั้นครับ
ฝากน้อง ๆ ช่วยกันแชร์ข้อความนี้กันไปด้วยนะครับ
* โชคดีที่ครอบครัวเราทำตามคำแนะนำอาจารย์ท่านนี้มานานแล้ว...ไม่ว่าสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 จะอยู่นานแค่ไหน เราก็มั่นใจว่าเราปลอดภัยแน่นอน
สุขภาพสมบูรณ์สูงสุด
ลงทุนกับสุขภาพ ไม่มีจนแน่นอน
Cr.อ.มหิดล
pm 2.5 จริง ๆ แล้ว มันคือ อนุภาค (Particle) ที่เมื่อเข้าไปในร่างกายแล้ว จะทำหน้าที่เป็นแหล่งสะสมของอนุมูลอิสระ
การทาน.. วิตามินซี 1000 mg วิตามินบีเข้มข้น และ Q.10 สามารถป้องกันอนุมูลอิสระได้ เมื่อร่างกายรับ pm 2.5 เข้าไปแล้ว ตัว Vit.C , B, Q.10 จะทำหน้าที่ในการช่วยจับอนุมูลอิสระ ที่มาจากอนุภาค pm 2.5 และระบายออกไปจากร่างกายได้มากพอสมควร ดังนั้น ช่วงนี้ทานเถอะครับ Vitamin C, B, Q10
และแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายโดยเฉพาะการวิ่งในพื้นที่กลางแจ้ง (วันนี้ไปมหา'ลัยมา เห็นหลายคนยังวิ่งกันอยู่ นี่น่ากลัวมากนะ เพราะเป็นการเร่งให้สารพิษเข้าไปในร่างกายของเรา)
หน้ากากนี่ไม่ใช่ N95 มันกันได้จริงแต่ไม่มากนะครับ เครื่องกรองอากาศเป็นเครื่องมือตัวช่วยที่เหลือเพียงอย่างเดียวในสถานการณ์นี้ เป็นไปได้ ก็ไปซื้อเถอะครับ และพยายามอยู่ในที่ร่มที่มีการกรองอากาศ
การปลูกต้นไม้กลุ่มลดสารพิษ เช่น ต้นวาสนา ต้นลิ้นมังกร ต้นพลูด่าง ช่วยลดมลพิษได้จริง ๆ เพราะต้นเหล่านี้ปล่อย ไอน้ำขนาดเล็กในอากาศ เพื่อดูดซับมลพิษได้
น้อง ๆ ครับ กว่าจะปัญหานี้เบาบางลง เราต้องรอไปถึงต้นมีนาคมเลยนะครับ (ลมตะวันออกเฉียงใต้ หรือลมร้อนจากทางใต้ ถึงจะพัดมาระบายฝุ่นควัน) การรับมลพิษในระยะเวลาช่วงนี้ มันนานพอจะทำให้เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องได้ง่าย ๆ เลยนะ (เหมือนอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ตลอดเวลา) ดังนั้น พยายามปฎิบัติตัวแบบที่บอกไปนะครับ
ดูจากการแก้ปัญหาของรัฐบาลแล้ว บอกได้ตามตรงว่า ไม่มีทางสู้กับปัญหาได้ เราต้องดูแลตัวเองเท่านั้นครับ
ฝากน้อง ๆ ช่วยกันแชร์ข้อความนี้กันไปด้วยนะครับ
* โชคดีที่ครอบครัวเราทำตามคำแนะนำอาจารย์ท่านนี้มานานแล้ว...ไม่ว่าสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 จะอยู่นานแค่ไหน เราก็มั่นใจว่าเราปลอดภัยแน่นอน
สุขภาพสมบูรณ์สูงสุด
ลงทุนกับสุขภาพ ไม่มีจนแน่นอน
Cr.อ.มหิดล
วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
5 เทคนิค ช่วยพัฒนาการวิ่ง
พูดถึงการวิ่งอย่างไรให้ออกมาดีนั้นหลาย ๆ คนก็คงจะมองไปถึงเทคนิคทางกายภาพกันเป็นส่วนใหญ่ใช่ไหมครับ จริง ๆ แล้วเทคนิคทางกายภาพนั้นก็ค่อนข้างสำคัญเลยล่ะครับ แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามนั่นก็คือ แรงใจกับความมีวินัยของเราเองครับทั้งสองอย่างนี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลให้การวิ่งของเราออกมาได้ดีที่สุด และวันนี้แอดจะขอนำเสนอไอเดียจาก Dane Rauschenberg นักวิ่งชื่อดังที่ทำสถิติวิ่งมาราธอนทุกอาทิตย์เป็นเวลา 1 ปี ( 52 มาราธอน ใน 52 สัปดาห์!!) ในปี 2006 ทั้งยังเคยวิ่ง Solo ระยะทางกว่า 325 km มาแล้ว จากประสบการณ์กว่า 20 ปี ในการวิ่ง Rauschenberg เขาคนนี้จะมาแนะนำเทคนิคดี ๆ ที่เพื่อน ๆ สามารถนำไปใช้ได้ในการวิ่งครับ
.
1.วางแผนจัดการชีวิต และทำให้ได้
ไม่มีเวลาวิ่งเลย แค่ทำงานมาก็หมดวันแล้ว เป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้เราไม่ได้วิ่งสักที แน่นอนครับว่าในหนึ่งวันเราจะมีช่วงเวลาที่ไม่ได้วิ่ง (Non-Race) มากกว่าช่วงที่วิ่งหรือออกกำลังกาย (Race) โดยหลักการสำคัญของการจัดการชีวิตของเรานั่นก็คือ เราต้องจัดการช่วงเวลาที่ไม่ได้วิ่งให้ได้ก่อนครับ หรือพูดง่าย ๆ คือเราต้องทำการวิ่งให้เป็นกิจวัตรประจำที่เราต้องทำไม่ต่างจากการเรียน หรือการงานครับ นึกเอาไว้ว่าคนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเหมือนกัน ถ้าเราจัดการเวลาได้ดีใช้มันอย่างคุ้มค่า การวิ่งของเราจะดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ
.
2.แข่งกับตัวเอง
การที่เรามองความสามารถของคนอื่นเพื่อศึกษาเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่หากว่าคุณกำลังมองคนอื่นที่วิ่งได้ดีทั้งระยะ Half/Full Marathon แล้วมาคิดว่าทำไมเรายังทำได้แค่ Fun Run เองนะ หรือ บางคนชอบเอาเวลาซ้อมของตัวเองที่คิดว่าทำได้ดีขึ้นจากเดิมไปเทียบกับคนอื่นที่ทำได้ดีกว่า การคิดแบบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรนะครับ พานจะทำให้หมดกำลังใจวิ่งกันไปซะเปล่า ๆ ให้เพื่อน ๆ ลองคิดว่า ต่อให้คุณจะทำเวลาได้ดีแค่ไหน เร็วแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วก็จะมีคนที่เร็วกว่าคุณอยู่ดีครับ ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบแข่งขันกับคนอื่น สิ่งที่ควรทำก็คือ การแข่งกับตัวเองครับ เมื่อวานเราทำได้ดี วันนี้ต้องดีกว่า
3ไม่จมอยู่กับความผิดพลาด
การจดจำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตเพื่อนำมาปรับปรุงในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่หากเราคิดถึงมันมากจนเกินไปจะทำให้เราเกิดการพะวงกับการวิ่งได้ มีนักวิ่งจำนวนไม่น้อยที่ต้องเจอกับประสบการณ์แย่ ๆ ในการวิ่งมา นักวิ่งมืออาชีพเองก็เช่นกันครับ แต่พวกเขาก็สามารถทำ new record ได้ในการวิ่งคราวถัดมาจากการวิ่งแย่ๆ ที่ผ่านมา
.
4.พักผ่อน
แน่นอนสิ่งที่สำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้เลยนั่นก็คือการพักผ่อนครับ ร่างกายของเราไม่ใช่หุ่นยนต์ ถึงเป็นหุ่นก็ต้องมีเวลาพักผ่อนด้วยกันทั้งนั้น Rauschenberg เล่าว่าเขาเป็น Coach มานาน และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจมากที่สุดในชีวิตการเป็น Coach นั่นก็คือ ลูกศิษย์ของเขาซ้อมวิ่งใน Rest Day ซึ่งที่จริงแล้วมันควรเป็นวันพักผ่อนของนักวิ่งเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การแข่งขัน เพราะการพักผ่อนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากถ้าหากคุณไม่พักผ่อนร่างกายของคุณจะไม่มีเวลาที่จะซ่อมแซมร่างกาย รวมไปถึงการพัฒนากล้ามเนื้อให้แข็งแกร่งด้วย จากข้างต้นที่แอดเล่าว่า Rauschenberg เคยวิ่งมาราธอนทุกอาทิตย์ในปี 2006 ณ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขาสามารถทำเวลาได้แย่ที่สุดในชีวิตการวิ่งของเขาเลยล่ะครับ
.
5.สู้ไม่ท้อแม้เหน็ดเหนื่อย
เพื่อน ๆ หลายคนเริ่มที่จะท้อถอดใจจากการวิ่งเพราะว่ารู้สึกอึดอัดเหนื่อยล้ากับความยากลำบากจนที่สุดก็หยุดวิ่งไป Rauschenberg แนะนำว่าตัวนักวิ่งเองต้องรู้จักแยกแยะอาการบาดเจ็บกับอาการเหนื่อยล้าให้ออกซะก่อน เมื่อแยกแยะได้แล้ว เราต้องทำการเรียนรู้ที่จะอดทนต่อความเหนื่อย ความหิว ความกระหายน้ำ นักวิ่งบางคนต้องพก Energy Gel ติดตัวไปด้วยตอนวิ่งทั้ง ๆ ที่พวกเขาวิ่งแค่ 30 นาที โดยความจริงแล้วพวกเขาแทบไม่ต้องใช้มันด้วยซ้ำ เพราะร่างกายคนเราสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยอาหารเหล่านั้นเลย แต่กลับเป็นตัวเราเองต่างหากที่กลัวกับความหิว ความเหนื่อยจนเกินไป สิ่งที่เราควรทำคือ สนุกไปกับมันครับ สนุกกับการวิ่ง อย่ามัวแต่ที่จะกลัวความเหนื่อย
.
#วิ่งไหนดี
#WingNaiDee
.
1.วางแผนจัดการชีวิต และทำให้ได้
ไม่มีเวลาวิ่งเลย แค่ทำงานมาก็หมดวันแล้ว เป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้เราไม่ได้วิ่งสักที แน่นอนครับว่าในหนึ่งวันเราจะมีช่วงเวลาที่ไม่ได้วิ่ง (Non-Race) มากกว่าช่วงที่วิ่งหรือออกกำลังกาย (Race) โดยหลักการสำคัญของการจัดการชีวิตของเรานั่นก็คือ เราต้องจัดการช่วงเวลาที่ไม่ได้วิ่งให้ได้ก่อนครับ หรือพูดง่าย ๆ คือเราต้องทำการวิ่งให้เป็นกิจวัตรประจำที่เราต้องทำไม่ต่างจากการเรียน หรือการงานครับ นึกเอาไว้ว่าคนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเหมือนกัน ถ้าเราจัดการเวลาได้ดีใช้มันอย่างคุ้มค่า การวิ่งของเราจะดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ
.
2.แข่งกับตัวเอง
การที่เรามองความสามารถของคนอื่นเพื่อศึกษาเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่หากว่าคุณกำลังมองคนอื่นที่วิ่งได้ดีทั้งระยะ Half/Full Marathon แล้วมาคิดว่าทำไมเรายังทำได้แค่ Fun Run เองนะ หรือ บางคนชอบเอาเวลาซ้อมของตัวเองที่คิดว่าทำได้ดีขึ้นจากเดิมไปเทียบกับคนอื่นที่ทำได้ดีกว่า การคิดแบบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรนะครับ พานจะทำให้หมดกำลังใจวิ่งกันไปซะเปล่า ๆ ให้เพื่อน ๆ ลองคิดว่า ต่อให้คุณจะทำเวลาได้ดีแค่ไหน เร็วแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วก็จะมีคนที่เร็วกว่าคุณอยู่ดีครับ ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบแข่งขันกับคนอื่น สิ่งที่ควรทำก็คือ การแข่งกับตัวเองครับ เมื่อวานเราทำได้ดี วันนี้ต้องดีกว่า
3ไม่จมอยู่กับความผิดพลาด
การจดจำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตเพื่อนำมาปรับปรุงในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่หากเราคิดถึงมันมากจนเกินไปจะทำให้เราเกิดการพะวงกับการวิ่งได้ มีนักวิ่งจำนวนไม่น้อยที่ต้องเจอกับประสบการณ์แย่ ๆ ในการวิ่งมา นักวิ่งมืออาชีพเองก็เช่นกันครับ แต่พวกเขาก็สามารถทำ new record ได้ในการวิ่งคราวถัดมาจากการวิ่งแย่ๆ ที่ผ่านมา
.
4.พักผ่อน
แน่นอนสิ่งที่สำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้เลยนั่นก็คือการพักผ่อนครับ ร่างกายของเราไม่ใช่หุ่นยนต์ ถึงเป็นหุ่นก็ต้องมีเวลาพักผ่อนด้วยกันทั้งนั้น Rauschenberg เล่าว่าเขาเป็น Coach มานาน และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจมากที่สุดในชีวิตการเป็น Coach นั่นก็คือ ลูกศิษย์ของเขาซ้อมวิ่งใน Rest Day ซึ่งที่จริงแล้วมันควรเป็นวันพักผ่อนของนักวิ่งเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การแข่งขัน เพราะการพักผ่อนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากถ้าหากคุณไม่พักผ่อนร่างกายของคุณจะไม่มีเวลาที่จะซ่อมแซมร่างกาย รวมไปถึงการพัฒนากล้ามเนื้อให้แข็งแกร่งด้วย จากข้างต้นที่แอดเล่าว่า Rauschenberg เคยวิ่งมาราธอนทุกอาทิตย์ในปี 2006 ณ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขาสามารถทำเวลาได้แย่ที่สุดในชีวิตการวิ่งของเขาเลยล่ะครับ
.
5.สู้ไม่ท้อแม้เหน็ดเหนื่อย
เพื่อน ๆ หลายคนเริ่มที่จะท้อถอดใจจากการวิ่งเพราะว่ารู้สึกอึดอัดเหนื่อยล้ากับความยากลำบากจนที่สุดก็หยุดวิ่งไป Rauschenberg แนะนำว่าตัวนักวิ่งเองต้องรู้จักแยกแยะอาการบาดเจ็บกับอาการเหนื่อยล้าให้ออกซะก่อน เมื่อแยกแยะได้แล้ว เราต้องทำการเรียนรู้ที่จะอดทนต่อความเหนื่อย ความหิว ความกระหายน้ำ นักวิ่งบางคนต้องพก Energy Gel ติดตัวไปด้วยตอนวิ่งทั้ง ๆ ที่พวกเขาวิ่งแค่ 30 นาที โดยความจริงแล้วพวกเขาแทบไม่ต้องใช้มันด้วยซ้ำ เพราะร่างกายคนเราสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยอาหารเหล่านั้นเลย แต่กลับเป็นตัวเราเองต่างหากที่กลัวกับความหิว ความเหนื่อยจนเกินไป สิ่งที่เราควรทำคือ สนุกไปกับมันครับ สนุกกับการวิ่ง อย่ามัวแต่ที่จะกลัวความเหนื่อย
.
#วิ่งไหนดี
#WingNaiDee
วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
วอร์มอัพ สำคัญกว่าที่คิด
การวอร์มอัพสำคัญอย่างไร?
ทำไมต้องมีการวอร์มอัพ?
ไม่ทำได้ไหม?
เมื่อพูดถึงการออกกำลังกาย แน่นอนครับว่าเป้าหมายของเพื่อน ๆ โดยเฉพาะสาว ๆ อาจจะอยู่ที่การลดน้ำหนัก และการเตรียมความพร้อมให้ร่างกายของเราเพื่อไปรับมือกับการออกกำลังกายนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นมากครับ นั่นคือเหตุผลที่การวอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งเลย เพราะประโยชน์ของการวอร์มอัพไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร่างกายของเราไม่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่ยังทำให้การออกกำลังกายของเพื่อน ๆ มีประสิทธิภาพที่สุดอีกด้วย (แจ่มปะล่ะ) 👍
.
ทำไมต้องมีการวอร์มอัพ? 👉 การวอร์มร่างกายนั้นจะช่วยให้กล้ามเนื้อ และระบบประสาทของเราพร้อมรับการกระตุ้นจากการออกกำลังกายครับ แถมยังช่วยป้องกันอาการหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วย เมื่อร่างกายของเราได้อุ่นเครื่อง ระบบการไหลเวียนของเลือดจะค่อย ๆ ทำงานได้ดีขึ้นครับ แล้วยังไงล่ะ? ก็ส่งผลให้การขนส่งออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้มากขึ้นตามมายังไงล่ะครับ นอกจากนี้การวอร์มร่างกายยังช่วยเพิ่มอุณหภูมิของกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้รวดเร็ว และมีแรงมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ 😄
.
การวอร์มอัพ หรืออบอุ่นร่างกายถือเป็นเรื่องที่สำคัญทีเดียวครับ ถ้าเพื่อน ๆ ไม่ได้ทำการอุ่นเครื่องร่างกายก่อนออกกำลังกาย กล้ามเนื้อที่ไม่ได้วอร์มอัพมาก่อนจะสามารถฉีกขาดได้ง่าย ตรงกันข้ามกับกล้ามเนื้อที่วอร์มอัพมาแล้วครับ จะต้องออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่หนักมากครับถึงจะฉีกขาดได้ ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่าง ๆ ก็มีมากกว่าครับ 😣
.
เพื่อน ๆ วิ่งไหนดีคนไหนที่ยังไม่เคยวอร์มอัพก่อนออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมเล่นกีฬาต่าง ๆ รู้อย่างนี้แล้วรีบเลยครับ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการออกกำลังกายตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อลดการเกิดอันตรายจากการออกกำลังกาย และเพื่อเป้าหมายของเพื่อน ๆ กันครับ แอดเอาใจช่วย 🤗
.
#วิ่งไหนดี
#WingNaiDee
ทำไมต้องมีการวอร์มอัพ?
ไม่ทำได้ไหม?
เมื่อพูดถึงการออกกำลังกาย แน่นอนครับว่าเป้าหมายของเพื่อน ๆ โดยเฉพาะสาว ๆ อาจจะอยู่ที่การลดน้ำหนัก และการเตรียมความพร้อมให้ร่างกายของเราเพื่อไปรับมือกับการออกกำลังกายนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นมากครับ นั่นคือเหตุผลที่การวอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งเลย เพราะประโยชน์ของการวอร์มอัพไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร่างกายของเราไม่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่ยังทำให้การออกกำลังกายของเพื่อน ๆ มีประสิทธิภาพที่สุดอีกด้วย (แจ่มปะล่ะ) 👍
.
ทำไมต้องมีการวอร์มอัพ? 👉 การวอร์มร่างกายนั้นจะช่วยให้กล้ามเนื้อ และระบบประสาทของเราพร้อมรับการกระตุ้นจากการออกกำลังกายครับ แถมยังช่วยป้องกันอาการหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วย เมื่อร่างกายของเราได้อุ่นเครื่อง ระบบการไหลเวียนของเลือดจะค่อย ๆ ทำงานได้ดีขึ้นครับ แล้วยังไงล่ะ? ก็ส่งผลให้การขนส่งออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้มากขึ้นตามมายังไงล่ะครับ นอกจากนี้การวอร์มร่างกายยังช่วยเพิ่มอุณหภูมิของกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้รวดเร็ว และมีแรงมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ 😄
.
การวอร์มอัพ หรืออบอุ่นร่างกายถือเป็นเรื่องที่สำคัญทีเดียวครับ ถ้าเพื่อน ๆ ไม่ได้ทำการอุ่นเครื่องร่างกายก่อนออกกำลังกาย กล้ามเนื้อที่ไม่ได้วอร์มอัพมาก่อนจะสามารถฉีกขาดได้ง่าย ตรงกันข้ามกับกล้ามเนื้อที่วอร์มอัพมาแล้วครับ จะต้องออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่หนักมากครับถึงจะฉีกขาดได้ ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่าง ๆ ก็มีมากกว่าครับ 😣
.
เพื่อน ๆ วิ่งไหนดีคนไหนที่ยังไม่เคยวอร์มอัพก่อนออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมเล่นกีฬาต่าง ๆ รู้อย่างนี้แล้วรีบเลยครับ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการออกกำลังกายตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อลดการเกิดอันตรายจากการออกกำลังกาย และเพื่อเป้าหมายของเพื่อน ๆ กันครับ แอดเอาใจช่วย 🤗
.
#วิ่งไหนดี
#WingNaiDee
วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
อยากวิ่งดีขึ้นต้อง Drills’ ..ใช้แรงน้อย แต่วิ่งเร็วนะ
เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ! การ Drills คืออะไร แล้วจำเป็นหรือไม่ บอกเลยครับว่าใครจะไปคิดว่าการ Drills นั้นช่วยทำให้วิ่งดีขึ้น ไวขึ้น แถมยังเหนื่อยน้อยลงอีกด้วยนะ
.
วันนี้เราเลยขอยกหัวข้อการ Drills ที่เป็นเรื่องสำคัญแต่ได้รับการพูดถึงน้อย(มาก) มานำเสนอเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาการวิ่งของเพื่อน ๆ กันครับ
.
เริ่มจากการ Drills คืออะไร
การ Drills คือ การบริหารเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ หรือ การฝึกซ้อมท่าวิ่งให้ถูกต้องนั่นเอง เมื่อทำแล้วจะช่วยเสริมกล้ามเนื้อให้แข็งแรงแข็งแกร่ง ทำให้การเคลื่อนไหวของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย (แขน ขา ข้อเท้า ลำตัว คอ ฯลฯ) สัมพันธ์กัน กล้ามเนื้อและระบบประสาทประสานการทำงานอย่างสมดุลและสมบูรณ์ ซึ่งการ Drills นี่แหละครับที่จะทำให้เราวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมใช้พลังงานน้อยด้วยนะ(คือดีย์) และยังมีผลที่ตอบโจทย์นักวิ่งขาแรงก็คือ..ทำให้วิ่งได้เร็วขึ้น และยังลดความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บจากการวิ่งได้ด้วย
.
แล้วเราควรฝึกการ Drills อย่างไรล่ะ
การเริ่มฝึกออกกำลังกายด้วยการ Drills สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่อาจจะเริ่มจากการฝึกแกว่งแขวนอย่างเดียวไม่ต้องใช้ช่วงล่าง ตามด้วยฝึกยกขาอย่างเดียว และต่อด้วยยกส้นเท้าอย่างเดียว นี่คือจุดประสงค์หลัก ๆ ของการ Drills เพื่อสร้างการเรียนรู้ของระบบประสาทให้ร่างกายเกิดความสัมพันธ์กันได้ดีขึ้น การ Drills คือการสร้างความคุ้นชินให้ร่างกายจดจำได้ว่าต้องแกว่งแขน ยกขา ยกส้นเท้า ให้ถูกต้อง และผลที่ตามมาก็คือ..ฟอร์มการวิ่งเราดีขึ้นเพราะเราจัดท่าทางการเคลื่อนไหวร่างกายที่ถูกต้องทำให้การวิ่งของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น
.
การฝึก Drills แนะนำว่าควรทำอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละประมาณ 10-15 นาทีก่อนวิ่งเท่านั้น หรือ เราสามารถใช้การ Drills เป็นการวอร์มร่างกายเตรียมความพร้อมก็ได้ครับ การฝึกจะช่วยรีดประสิทธิภาพของร่างกายและเป็นประโยชน์กับการวิ่งครั้งนั้นของเราได้ดีทีเดียว
.
วันนี้ขอนำเสนอ 5 ท่า Drills ที่ใช้ฝึกกันอยู่บ่อย ๆ ดังนี้ครับ
.
1.SKIPPING
ท่าแรกเป็นท่าที่ช่วยเพิ่มระยะในแต่ละก้าวให้เพิ่มขึ้น ช่วยยกระดับเข่า ทำให้เกิดความสมดุลในการก้าวมากขึ้น
ฝึก Skipping เป็นระยะทางประมาณ 15-20 เมตร แล้วพัก และทำซ้ำต่ออีก 2-3 ครั้ง สลับกับหยุดพักจนครบ เคล็ดลับง่าย ๆ ครับ ยกเข่าให้สูงเข้าไว้ เคลื่อนไหวให้เร็ว และแกว่งแขนให้มากจะช่วยเรื่องการทรงตัวที่ดีในการวิ่ง
.
สามารถฝึกตามคลิปวิดีโอจากลิงก์นี้ได้เลยครับ https://youtu.be/-mIyuoa5Bng
.
2.BOUNDING
ท่านี้จะช่วยในเรื่องของการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา เพิ่มพลังของขาในการดีดตัวไปด้านหน้าทำให้ลดแรงเมื่อต้องวิ่งระยะทางไกล และสร้างความสมดุลในการเคลื่อนไหวได้ดีอีกด้วย
การฝึก Bounding คือการกระโดดสองขาไปข้างหน้า ประมาณ 5-10 เมตร สลับกับการกระโดดขาทีละข้างอีก 5-10 เมตร เช่นเดียวกัน ใครอยากมีสมดุลร่างกายที่ดีลองถ้านี้กันเลยครับ
.
สามารถฝึกตามคลิปวิดีโอจากลิงก์นี้ได้เลยครับ https://youtu.be/ZzWRqO3OIz4
.
3.LUNGE
ท่า Lunge เป็นการฝึกสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อส่วนกลางลำตัวเป็นหลัก และยังได้ประโยชน์ไปถึงกล้ามเนื้อต้นขาและก้น ท่านี้ก็จะช่วยในเรื่องของความสมดุลขณะวิ่งได้เป็นอย่างดี ทำให้วิ่งด้วยความเร็วที่มากขึ้นแต่ยังสามารถทรงตัวได้อย่างมั่นคง
มีวิธีการฝึกง่าย ๆ คือ ก้าวขากว้างพร้อมกดตัวลงมาให้เข่าอีกข้างขนานกับพื้น สลับก้าวข้างละประมาณ 10 ก้าว ส่วนด้านข้างจะมีวิธีคล้ายกับ Squat คือให้ก้าวขากว้างไปด้านข้างแล้วก้าวขาอีกข้างตามมาไขว้สลับ สลับขาข้างละประมาณ 10 ก้าวเช่นกัน
.
สามารถฝึกตามคลิปวิดีโอจากลิงก์นี้ได้เลยครับ https://youtu.be/cqqSstxhAQc
.
4.LATERAL SQUAT
Lateral Squat เป็นท่าฝึกที่ทำให้กล้ามเนื้อก้นแข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการวิ่งอย่างมากโดยเฉพาะนักวิ่งสายเทรล หรือนักวิ่งที่วิ่งในพื้นที่ขรุขระเส้นทางไม่เรียบ ช่วยสร้างความสมดุลและควบคุมการทรงตัวของร่างกายได้เป็นอย่างดี
การฝึกท่านี้ก็ทำได้ง่าย ๆ ครับ ออกแรงไปทางด้านข้างทั้งซ้ายและขวา ข้างละ 15-20 เมตร ระยะก้าวห่างประมาณหัวไหล่ เคลื่อนที่ช้า ๆ นะครับไม่ต้องรีบ สลับอย่างน้อยข้างละ 5-10 ครั้ง กำลังดีครับ
.
สามารถฝึกตามคลิปวิดีโอจากลิงก์นี้ได้เลยครับ https://youtu.be/13JTL7pH7Hc
.
5.CARIOCA และ QUICK FEET
มาถึงท่าสุดท้าย ท่านี้เพื่อน ๆ อาจจะเคยเห็นกันคุ้นตาอยู่บ้างโดยเฉพาะเห็นนักบอลชอบฝึกซ้อมท่านี้กันบ่อย ๆ การฝึก Carioca และ Quick Feet จะช่วยในเรื่องของความเร็วในการเคลื่อนไหวของเท้า เข่า และสะโพก ช่วยให้ก้าวได้เร็วขึ้นนั่นเอง ลดเวลาเท้าแตะพื้นทำให้ลดพลังงานที่จะเสียออกไปจากการวิ่ง(ประหยัดแรงได้ดีเลย)
วิธีการฝึก Carioca ให้การก้าวเท้าสลับไขว้กันไปมาอย่างรวดเร็วสองทั้งซ้ายและขวา อย่างน้อยประมาณ 15-20 เมตร ส่วน Quick Feet ให้ลงเท้าบริเวณด้านหน้าของฝ่าเท้า ถ้าเพื่อน ๆ อยากจะฝึกเพิ่มการทรงตัวก็สามารถแกว่งแขนเร็ว ๆ ตามจังหวะพร้อมกับการฝึกด้วยก็ได้ครับ
.
สามารถฝึกตามคลิปวิดีโอจากลิงก์นี้ได้เลยครับ https://youtu.be/Y3Wg4QMPXkU
.
เพื่อน ๆ ที่อยากจะพัฒนาการวิ่งของตัวเองให้ดีขึ้น ทำเวลาได้เร็วขึ้น มีฟอร์มการวิ่งที่ดี ตอนนี้ถ้า ‘ใจพร้อม’ ที่จะขยับจาก 5k ไป 10K หรือแม้แต่จะลง Full ให้จบแบบสวย ๆ ก็อย่าลืมไปทำให้ ‘กายพร้อม’ ด้วยการฝึก Drills กันดูนะครับ ใครที่ลองฝึกกันมาแล้วได้ผลอย่างไร Drills แล้วมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมั๊ยแวะมาคอมเมนท์บอกกันด้วยน้าาา
.
#วิ่งไหนดี
#WingNaiDee
.
วันนี้เราเลยขอยกหัวข้อการ Drills ที่เป็นเรื่องสำคัญแต่ได้รับการพูดถึงน้อย(มาก) มานำเสนอเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาการวิ่งของเพื่อน ๆ กันครับ
.
เริ่มจากการ Drills คืออะไร
การ Drills คือ การบริหารเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ หรือ การฝึกซ้อมท่าวิ่งให้ถูกต้องนั่นเอง เมื่อทำแล้วจะช่วยเสริมกล้ามเนื้อให้แข็งแรงแข็งแกร่ง ทำให้การเคลื่อนไหวของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย (แขน ขา ข้อเท้า ลำตัว คอ ฯลฯ) สัมพันธ์กัน กล้ามเนื้อและระบบประสาทประสานการทำงานอย่างสมดุลและสมบูรณ์ ซึ่งการ Drills นี่แหละครับที่จะทำให้เราวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมใช้พลังงานน้อยด้วยนะ(คือดีย์) และยังมีผลที่ตอบโจทย์นักวิ่งขาแรงก็คือ..ทำให้วิ่งได้เร็วขึ้น และยังลดความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บจากการวิ่งได้ด้วย
.
แล้วเราควรฝึกการ Drills อย่างไรล่ะ
การเริ่มฝึกออกกำลังกายด้วยการ Drills สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่อาจจะเริ่มจากการฝึกแกว่งแขวนอย่างเดียวไม่ต้องใช้ช่วงล่าง ตามด้วยฝึกยกขาอย่างเดียว และต่อด้วยยกส้นเท้าอย่างเดียว นี่คือจุดประสงค์หลัก ๆ ของการ Drills เพื่อสร้างการเรียนรู้ของระบบประสาทให้ร่างกายเกิดความสัมพันธ์กันได้ดีขึ้น การ Drills คือการสร้างความคุ้นชินให้ร่างกายจดจำได้ว่าต้องแกว่งแขน ยกขา ยกส้นเท้า ให้ถูกต้อง และผลที่ตามมาก็คือ..ฟอร์มการวิ่งเราดีขึ้นเพราะเราจัดท่าทางการเคลื่อนไหวร่างกายที่ถูกต้องทำให้การวิ่งของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น
.
การฝึก Drills แนะนำว่าควรทำอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละประมาณ 10-15 นาทีก่อนวิ่งเท่านั้น หรือ เราสามารถใช้การ Drills เป็นการวอร์มร่างกายเตรียมความพร้อมก็ได้ครับ การฝึกจะช่วยรีดประสิทธิภาพของร่างกายและเป็นประโยชน์กับการวิ่งครั้งนั้นของเราได้ดีทีเดียว
.
วันนี้ขอนำเสนอ 5 ท่า Drills ที่ใช้ฝึกกันอยู่บ่อย ๆ ดังนี้ครับ
.
1.SKIPPING
ท่าแรกเป็นท่าที่ช่วยเพิ่มระยะในแต่ละก้าวให้เพิ่มขึ้น ช่วยยกระดับเข่า ทำให้เกิดความสมดุลในการก้าวมากขึ้น
ฝึก Skipping เป็นระยะทางประมาณ 15-20 เมตร แล้วพัก และทำซ้ำต่ออีก 2-3 ครั้ง สลับกับหยุดพักจนครบ เคล็ดลับง่าย ๆ ครับ ยกเข่าให้สูงเข้าไว้ เคลื่อนไหวให้เร็ว และแกว่งแขนให้มากจะช่วยเรื่องการทรงตัวที่ดีในการวิ่ง
.
สามารถฝึกตามคลิปวิดีโอจากลิงก์นี้ได้เลยครับ https://youtu.be/-mIyuoa5Bng
.
2.BOUNDING
ท่านี้จะช่วยในเรื่องของการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา เพิ่มพลังของขาในการดีดตัวไปด้านหน้าทำให้ลดแรงเมื่อต้องวิ่งระยะทางไกล และสร้างความสมดุลในการเคลื่อนไหวได้ดีอีกด้วย
การฝึก Bounding คือการกระโดดสองขาไปข้างหน้า ประมาณ 5-10 เมตร สลับกับการกระโดดขาทีละข้างอีก 5-10 เมตร เช่นเดียวกัน ใครอยากมีสมดุลร่างกายที่ดีลองถ้านี้กันเลยครับ
.
สามารถฝึกตามคลิปวิดีโอจากลิงก์นี้ได้เลยครับ https://youtu.be/ZzWRqO3OIz4
.
3.LUNGE
ท่า Lunge เป็นการฝึกสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อส่วนกลางลำตัวเป็นหลัก และยังได้ประโยชน์ไปถึงกล้ามเนื้อต้นขาและก้น ท่านี้ก็จะช่วยในเรื่องของความสมดุลขณะวิ่งได้เป็นอย่างดี ทำให้วิ่งด้วยความเร็วที่มากขึ้นแต่ยังสามารถทรงตัวได้อย่างมั่นคง
มีวิธีการฝึกง่าย ๆ คือ ก้าวขากว้างพร้อมกดตัวลงมาให้เข่าอีกข้างขนานกับพื้น สลับก้าวข้างละประมาณ 10 ก้าว ส่วนด้านข้างจะมีวิธีคล้ายกับ Squat คือให้ก้าวขากว้างไปด้านข้างแล้วก้าวขาอีกข้างตามมาไขว้สลับ สลับขาข้างละประมาณ 10 ก้าวเช่นกัน
.
สามารถฝึกตามคลิปวิดีโอจากลิงก์นี้ได้เลยครับ https://youtu.be/cqqSstxhAQc
.
4.LATERAL SQUAT
Lateral Squat เป็นท่าฝึกที่ทำให้กล้ามเนื้อก้นแข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการวิ่งอย่างมากโดยเฉพาะนักวิ่งสายเทรล หรือนักวิ่งที่วิ่งในพื้นที่ขรุขระเส้นทางไม่เรียบ ช่วยสร้างความสมดุลและควบคุมการทรงตัวของร่างกายได้เป็นอย่างดี
การฝึกท่านี้ก็ทำได้ง่าย ๆ ครับ ออกแรงไปทางด้านข้างทั้งซ้ายและขวา ข้างละ 15-20 เมตร ระยะก้าวห่างประมาณหัวไหล่ เคลื่อนที่ช้า ๆ นะครับไม่ต้องรีบ สลับอย่างน้อยข้างละ 5-10 ครั้ง กำลังดีครับ
.
สามารถฝึกตามคลิปวิดีโอจากลิงก์นี้ได้เลยครับ https://youtu.be/13JTL7pH7Hc
.
5.CARIOCA และ QUICK FEET
มาถึงท่าสุดท้าย ท่านี้เพื่อน ๆ อาจจะเคยเห็นกันคุ้นตาอยู่บ้างโดยเฉพาะเห็นนักบอลชอบฝึกซ้อมท่านี้กันบ่อย ๆ การฝึก Carioca และ Quick Feet จะช่วยในเรื่องของความเร็วในการเคลื่อนไหวของเท้า เข่า และสะโพก ช่วยให้ก้าวได้เร็วขึ้นนั่นเอง ลดเวลาเท้าแตะพื้นทำให้ลดพลังงานที่จะเสียออกไปจากการวิ่ง(ประหยัดแรงได้ดีเลย)
วิธีการฝึก Carioca ให้การก้าวเท้าสลับไขว้กันไปมาอย่างรวดเร็วสองทั้งซ้ายและขวา อย่างน้อยประมาณ 15-20 เมตร ส่วน Quick Feet ให้ลงเท้าบริเวณด้านหน้าของฝ่าเท้า ถ้าเพื่อน ๆ อยากจะฝึกเพิ่มการทรงตัวก็สามารถแกว่งแขนเร็ว ๆ ตามจังหวะพร้อมกับการฝึกด้วยก็ได้ครับ
.
สามารถฝึกตามคลิปวิดีโอจากลิงก์นี้ได้เลยครับ https://youtu.be/Y3Wg4QMPXkU
.
เพื่อน ๆ ที่อยากจะพัฒนาการวิ่งของตัวเองให้ดีขึ้น ทำเวลาได้เร็วขึ้น มีฟอร์มการวิ่งที่ดี ตอนนี้ถ้า ‘ใจพร้อม’ ที่จะขยับจาก 5k ไป 10K หรือแม้แต่จะลง Full ให้จบแบบสวย ๆ ก็อย่าลืมไปทำให้ ‘กายพร้อม’ ด้วยการฝึก Drills กันดูนะครับ ใครที่ลองฝึกกันมาแล้วได้ผลอย่างไร Drills แล้วมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมั๊ยแวะมาคอมเมนท์บอกกันด้วยน้าาา
.
#วิ่งไหนดี
#WingNaiDee
วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ยกเลิกโตเกียวมาราธอน 2020
โตเกียวมาราธอนประกาศบนเว็บไซต์หลัก. #ยกเลิกโตเกียวมาราธอน 2020 และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อย่างเป็นทางการแล้ว
.
กิจกรรม Expo และการรับบิบ. กิจกรรม family run. และกิจกรรมหลักคือ มาราธอนสำหรับบุคคลทั่วไป ถูกยกเลิก. เหลือเพียงการวิ่งของ elite และ วีลแชร์ ที่ยังคงเดินหน้าต่อ
.
การยกเลิกครั้งนี้. เกิดเนื่องจากตรวจพบผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาในเขตเมืองโตเกียว. ผู้จัดเล็งเห็นถึงความปลอดภัยและสุขภาพของนักวิ่ง 40,000 คนและผู้ร่วมชมงานอีกกว่าล้านคน เป็นหลัก.
.
ไทยรันจะเกาะติดเรื้องนี้ มารายงานให้เพื่อนๆทราบกันต่อไป.
.
#THAIRUN
อ้างอิง. https://www.marathon.tokyo/en/news/detail/news_001577.html
.
กิจกรรม Expo และการรับบิบ. กิจกรรม family run. และกิจกรรมหลักคือ มาราธอนสำหรับบุคคลทั่วไป ถูกยกเลิก. เหลือเพียงการวิ่งของ elite และ วีลแชร์ ที่ยังคงเดินหน้าต่อ
.
การยกเลิกครั้งนี้. เกิดเนื่องจากตรวจพบผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาในเขตเมืองโตเกียว. ผู้จัดเล็งเห็นถึงความปลอดภัยและสุขภาพของนักวิ่ง 40,000 คนและผู้ร่วมชมงานอีกกว่าล้านคน เป็นหลัก.
.
ไทยรันจะเกาะติดเรื้องนี้ มารายงานให้เพื่อนๆทราบกันต่อไป.
.
#THAIRUN
อ้างอิง. https://www.marathon.tokyo/en/news/detail/news_001577.html
วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
Ultra Trail Thailand 2020 ที่ดอยอินทนนท์
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
15 กุมภาพันธ์ เวลา 20:34 น. ·
⭐พี่ป้อม หรือ สัญญา คานชัย วัย 45 ปี
คว้าแชมป์ระยะทาง 175 กิโลเมตร
คนแรกของ Ultra Trail Thailand 2020
ที่ดอยอินทนนท์
ตีลังกาเข้าเส้นชัย 🤸🏻♂️
ด้วยเวลา 30:20:29 ชั่วโมง
ยินดีกับพี่ป้อมด้วยครับ ตามเชียร์ตั้งแต่เมื่อวาน
สุดยอดมาก ๆ 👏🏼👏🏼👏🏼
Credit ภาพจาก Ultra Trail Thailand 2020
15 กุมภาพันธ์ เวลา 20:34 น. ·
⭐พี่ป้อม หรือ สัญญา คานชัย วัย 45 ปี
คว้าแชมป์ระยะทาง 175 กิโลเมตร
คนแรกของ Ultra Trail Thailand 2020
ที่ดอยอินทนนท์
ตีลังกาเข้าเส้นชัย 🤸🏻♂️
ด้วยเวลา 30:20:29 ชั่วโมง
ยินดีกับพี่ป้อมด้วยครับ ตามเชียร์ตั้งแต่เมื่อวาน
สุดยอดมาก ๆ 👏🏼👏🏼👏🏼
Credit ภาพจาก Ultra Trail Thailand 2020
วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
วิ่งมาราธอนด้วยวิธี 10/10/10
มีการฝึกหลายรูปแบบสำหรับการวิ่งมาราธอน แต่การเรียนรู้วิธีการอย่างถูกต้องเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุด
เมื่อวิ่งมาราธอน การแข่งขันที่จริงจังมักจะเริ่มต้นประมาณกิโลเมตรที่ 30-32
.
ทุกคนที่เคยวิ่งมาราธอนจะเตือนคุณไม่ให้ออกตัวเร็วเกินไป หรือบอกคุณว่าควรพยายามวิ่งในครึ่งหลังให้เร็วกว่าครึ่งแรก
.
การวิ่งแบบ 10/10/10 เพื่อแยกการแข่งขันออกเป็นสามส่วน 10 ไมล์แรก (ประมาณ 16 K) 10 ไมล์ที่สอง และ 10 กิโลสุดท้าย
.
โค้ชของทีมไนกี้ ให้วิ่ง 10 ไมล์แรกด้วยหัวใจ 10 ไมล์ที่สองจากการฝึกซ้อม และ 10 K สุดท้ายด้วยใจ
.
วิ่ง 10 ไมล์แรกด้วยหัวใจของคุณหมายถึง ความอดทน คุณต้องใช้ความพยายามอย่างมีสติเพื่อหยุดยั้ง และวิ่ง 10 ไมล์แรกด้วยความเร็วที่ช้ากว่าเป้าหมายของคุณเล็กน้อย
แน่นอนว่ามันยากมากที่จะไม่ถูกพัดพาไปด้วยความตื่นเต้น หรือเริ่มวิ่งเพื่อค้นหาพื้นที่ของคุณ
.
แต่การวิ่งช้า ๆ ในช่วงแรกหมายความว่า คุณยังมีโอกาสที่จะอบอุ่นร่างกายและปรับตัวให้เข้ากับการวิ่งต่อไป เพราะบางทีการที่คุณยืนรออยู่หลังเส้นสตาร์ทเป็นเวลานานทำให้ร่างกายคุณไม่พร้อม
.
10 ไมล์ต่อมา เป็นเรื่องการฝึกฝนของคุณ ปล่อยให้ขาก้าวตามจังหวะ และปรับตัวอย่างที่เคยซ้อมมา
หลังจากที่คุณพึ่งวิ่ง 10 ไมล์แรกด้วยความเร็วที่ช้ากว่ากำหนด ช่วงต่อไปนี้คุณสามารถเร่งฝีเท้าให้ได้ตามเวลาเป้าหมายที่คุ้นเคย
.
หากคุณอดทนกับ 10 ไมล์แรก และ 10 ไมล์ที่สองผ่านมาได้
10 กิโลเมตรสุดท้ายให้วิ่งด้วยใจของตนเอง คิดว่าความแข็งแกร่งของคุณไม่ได้มาจากร่างกาย มันมาจากจิตใจ นี่เป็นเวลาที่คุณจะเปล่งประกาย
.
วิธีการวิ่ง 10/10/10 ครั้งแรก คุณต้องมีทั้งการฝึกวิ่งระยะยาวและฝึกความเร็ว ลองใช้วิธีนี้ในการซ้อมเพื่อเตรียมร่างกายของคุณสำหรับวันแข่งขัน
ตัวอย่างเช่น 10 ไมล์แรกวิ่งง่าย ๆ ช้า ๆ และ 5 ไมล์สุดท้ายให้วิ่งตามเวลาเป้าหมาย นั่นคือการสอนร่างกายของคุณให้ฝึกความอดทน และลดความเหนื่อยล้าในการแข่งขัน
.
Cr. Runner's World
เมื่อวิ่งมาราธอน การแข่งขันที่จริงจังมักจะเริ่มต้นประมาณกิโลเมตรที่ 30-32
.
ทุกคนที่เคยวิ่งมาราธอนจะเตือนคุณไม่ให้ออกตัวเร็วเกินไป หรือบอกคุณว่าควรพยายามวิ่งในครึ่งหลังให้เร็วกว่าครึ่งแรก
.
การวิ่งแบบ 10/10/10 เพื่อแยกการแข่งขันออกเป็นสามส่วน 10 ไมล์แรก (ประมาณ 16 K) 10 ไมล์ที่สอง และ 10 กิโลสุดท้าย
.
โค้ชของทีมไนกี้ ให้วิ่ง 10 ไมล์แรกด้วยหัวใจ 10 ไมล์ที่สองจากการฝึกซ้อม และ 10 K สุดท้ายด้วยใจ
.
วิ่ง 10 ไมล์แรกด้วยหัวใจของคุณหมายถึง ความอดทน คุณต้องใช้ความพยายามอย่างมีสติเพื่อหยุดยั้ง และวิ่ง 10 ไมล์แรกด้วยความเร็วที่ช้ากว่าเป้าหมายของคุณเล็กน้อย
แน่นอนว่ามันยากมากที่จะไม่ถูกพัดพาไปด้วยความตื่นเต้น หรือเริ่มวิ่งเพื่อค้นหาพื้นที่ของคุณ
.
แต่การวิ่งช้า ๆ ในช่วงแรกหมายความว่า คุณยังมีโอกาสที่จะอบอุ่นร่างกายและปรับตัวให้เข้ากับการวิ่งต่อไป เพราะบางทีการที่คุณยืนรออยู่หลังเส้นสตาร์ทเป็นเวลานานทำให้ร่างกายคุณไม่พร้อม
.
10 ไมล์ต่อมา เป็นเรื่องการฝึกฝนของคุณ ปล่อยให้ขาก้าวตามจังหวะ และปรับตัวอย่างที่เคยซ้อมมา
หลังจากที่คุณพึ่งวิ่ง 10 ไมล์แรกด้วยความเร็วที่ช้ากว่ากำหนด ช่วงต่อไปนี้คุณสามารถเร่งฝีเท้าให้ได้ตามเวลาเป้าหมายที่คุ้นเคย
.
หากคุณอดทนกับ 10 ไมล์แรก และ 10 ไมล์ที่สองผ่านมาได้
10 กิโลเมตรสุดท้ายให้วิ่งด้วยใจของตนเอง คิดว่าความแข็งแกร่งของคุณไม่ได้มาจากร่างกาย มันมาจากจิตใจ นี่เป็นเวลาที่คุณจะเปล่งประกาย
.
วิธีการวิ่ง 10/10/10 ครั้งแรก คุณต้องมีทั้งการฝึกวิ่งระยะยาวและฝึกความเร็ว ลองใช้วิธีนี้ในการซ้อมเพื่อเตรียมร่างกายของคุณสำหรับวันแข่งขัน
ตัวอย่างเช่น 10 ไมล์แรกวิ่งง่าย ๆ ช้า ๆ และ 5 ไมล์สุดท้ายให้วิ่งตามเวลาเป้าหมาย นั่นคือการสอนร่างกายของคุณให้ฝึกความอดทน และลดความเหนื่อยล้าในการแข่งขัน
.
Cr. Runner's World
วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
วิ่งยังไงไม่ให้ปวดหลัง
คำถาม "ทำไมวิ่งแล้วปวดหลัง" เป็นอีกหนึ่งคำถาม classic ที่หลายคนถามเข้ามาที่เพจไทยรันเยอะมาก โพสต์นี้มีวิธีที่ช่วยลดอาการปวดหลัง อันเกิดจากการวิ่ง มันจะช่วยให้คุณวิ่งได้ดีขึ้น
.
สาเหตุของการปวดหลังมีหลากหลาย อาจจะเกิดจากการนอนบนเบาะที่นุ่มโค้งเกินไป อาจเกิดจากการนั่งทำงานเยอะเกินไป หรืออาการจากการเจ็บป่วย ซึ่งอาการเหล่านั้นต้องปรึกษาแพทย์
.
แต่ถ้าคุณมั่นใจว่า เมื่อก่อนไม่เคยปวดหลังเลย แต่พอมาวิ่งก็ปวดหลังตลอดเลย อาการปวดหลังของคุณเกิดจากการวิ่งแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ บทความนี้ช่วยคุณได้แน่นอน
.
1
#ปล่อยให้แขนแกว่งตามจังหว่ะเท้า
.
หลายคนมาก (โดยเฉพาะนักวิ่งหน้าใหม่) ไม่รู้ตัวเอง ว่าตอนวิ่งตัวเองแกว่งแขนน้อยมาก หรือแทบไม่แกว่งแขนเลย คือมือจะลอยๆอยู่บริเวณลำตัว ค่อนไปข้างหน้า และแกว่งน้อยมากโดยไม่รู้ตัว (อาการนี้มักเกิดกับคนกำโทรศัพท์มือถือไว้ ถ้าสังเกตุดู เวลาเรากำมือถือไว้ เราจะแกว่งแขนนั้นน้อยมาก หรืออาจจะเกิดจากความเคยชินที่ตอนเดิน มือเราแทบไม่แกว่ง)
.
การไม่แกว่งของแขนมีผลทำให้ร่างกายไม่สมดุลในขณะวิ่ง เนื่องจากขาที่ก้าวซ้ายขวาโยกไปมา ร่างกายต้องการสมดุลเพื่อไม่ให้แกว่งหรือล้ม ถ้าแขนไม่แกว่ง ร่างกายเราจึงเกร็งตัวโดยอัตโนมัติ และเมื่อเกร็งอยู่แบบนั้นนานๆในระยะ 10K, 21K หรือ 42K ร่างกายจะล้า และจะเกิดอาการปวดบริเวณกล้ามเนื้อแผ่นหลัง
.
ข้อนี้ต้องคอยสังเกตุตัวเองตอนวิ่ง และแก้ได้ไม่ยาก แค่เราปล่อยแขนให้แกว่งตามธรรมชาติของจังหว่ะการวิ่งก็จะช่วยได้เยอะแล้ว (ถ้าให้ดี พวกโทรศัพท์ พวงกุญแจ ขวดน้ำ เหล่านี้ไม่ควรกำไว้ หรือถือไปเวลาวิ่ง ควรจะพกไว้ในกระเป๋ากางเกง หรือที่คาดเอวแทน)
.
2
#วิ่งให้ตัวตรงขึ้นไม่บิดซ้ายบิดขวา
.
อันนี้ลองสังเกตุตัวเอง ว่าเวลาเราวิ่ง ตัวเราบิดซ้ายบิดขวาหรือป่าว การสังเกตุง่ายๆก็คือ ตอนที่ลงเท้าขวา มือซ้ายเราแกว่งไปทางสะโพกขวาหรือป่าว และ เวลาลงเท้าซ้าย มือขวาแกว่งมาทางสะโพกซ้ายเยอะเกินไปหรือป่าว ถ้าเป็นแบบนั้นชัด แสดงว่าเรา #วิ่งตัวบิด
.
การวิ่งตัวบิด เป็นสาเหตุต้นๆของการวิ่งแล้วเจ็บหลังเลยหล่ะ เพราะเวลาร่างกายเราบิดไปบิดมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ตลอดระยะการวิ่ง เป็นชั่วโมงหรือสองชั่วโมง ร่างกายเราก็จะปวดบริเวณเอวและแผ่นหลังเป็นธรรมดา
.
การแก้ก็ต้องสังเกตุตัวเอง ถ้ารู้ว่า วิ่งตัวบิด ก็แก้ได้ไม่ยากนัก แก้โดยการแกว่งแขน ให้แขนแกว่งไปหน้าลำตัว ขนานกับเส้นทางวิ่ง พอแกว่งแขนไปหน้าลำตัว ร่างกายเราจะสมดุลขึ้นและ ค่อยๆลดการบิดซ้ายบิดขวาเองโดยอัตโนมัติ ค่อยฝึกจนให้ร่างกายชิน แต่ต้องระวังว่าไม่ฝืนจนเกินไป เดี๋ยวจะกลายเป็นเกร็งเกินไปอีกนะจ๊ะ
.
3
#วิ่งให้ตัวตั้งไม่โยกซ้ายไม่โยกขวา
.
อีกท่าวิ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังบ่อยๆคือ การวิ่งแล้วตัวโยกซ้ายทีโยกขวาที อาการนี้ต่างจากข้อที่แล้ว คือไม่ได้บิดตัว หน้ายังคงตรงไปเส้นทางวิ่ง แต่ตั้งแต่หัว คอ และไหล่ เอียงไปทางซ้ายเมื่อลงเท้าซ้าย และพอลงเท้าขวา หัว ไหล่และลำตัว ก็เอียงไปทางขวาอีก
.
อาการนี้จริงๆแล้วทำให้เกิดการบาดเจ็บหลายจุดเลย ไม่เพียงแค่เจ็บหลัง เพราะในจังหว่ะที่ร่างกายโยกซ้าย แล้วจะต้องลงเท้าขวา กล้ามเนื้อเราต้องออกแรงดึงตัวเรากลับมาทางขวา แล้วมันก็เอียงไปทางขวาเกินไป แล้วต้องดึงตัวกลับมาทางซ้ายอีก ถ้ากล้ามเนื้อข้างเท้าเราไม่แข็งแรง เราก็จะปวดตรงนั้นเป้นที่แรก ถัดมาคือ กล้ามเนื้อข้างเข่า แล้วจึงกล้ามเนื้อแผ่นหลังที่จะปวดตามมา
.
เห็นมั้ยหล่ะครับการวิ่ง ไม่ได้ใช้แค่เท้านะ การแกว่งแขนก็เกี่ยว การโยกหัวโยกลำตัวก็เกี่ยว ทั้งสามเทคนิคที่ว่ามานี้ จะช่วยบรรเทาอาการวิ่งแล้วปวดหลัง เพราะมันทำให้คุณวิ่งในท่าวิ่งที่เป็นธรรมชาติขึ้น ผ่อนคลายขึ้น และสมดุลขึ้น แต่ถ้าอยากจะแก้อย่างหายสนิท เราแนะนำให้ฝึก core body หรือ แกนกลางลำตัวแข็งแรงขึ้น เพราะถ้า core body แข็งแกร่งขึ้นแล้ว อาการการวิ่งบิดไปมา หรือ โยกซ้ายโยกขวาก็จะหายไปเองโดยอัตโนมัติ กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวแข็งแรง การวิ่งก็จะวิ่งดีขึ้นด้วย อาการบาดเจ็บก็จะลดน้อยลงจ่ะ
.
ขอให้วิ่งให้สนุกนะ
ออกมาวิ่งด้วยกัน
แข็งแรงไปด้วยกัน
อยู่รักกันไปนานๆ
.
#ThaiRun | คิดถึงการวิ่ง คิดถึงไทยรัน
.
Photo: #บีม THAIRUN brand ambassador
เสื้อวิ่ง Run to Kyoto
สมัครได้ที่ http://race.thai.run/kyoto
.
สาเหตุของการปวดหลังมีหลากหลาย อาจจะเกิดจากการนอนบนเบาะที่นุ่มโค้งเกินไป อาจเกิดจากการนั่งทำงานเยอะเกินไป หรืออาการจากการเจ็บป่วย ซึ่งอาการเหล่านั้นต้องปรึกษาแพทย์
.
แต่ถ้าคุณมั่นใจว่า เมื่อก่อนไม่เคยปวดหลังเลย แต่พอมาวิ่งก็ปวดหลังตลอดเลย อาการปวดหลังของคุณเกิดจากการวิ่งแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ บทความนี้ช่วยคุณได้แน่นอน
.
1
#ปล่อยให้แขนแกว่งตามจังหว่ะเท้า
.
หลายคนมาก (โดยเฉพาะนักวิ่งหน้าใหม่) ไม่รู้ตัวเอง ว่าตอนวิ่งตัวเองแกว่งแขนน้อยมาก หรือแทบไม่แกว่งแขนเลย คือมือจะลอยๆอยู่บริเวณลำตัว ค่อนไปข้างหน้า และแกว่งน้อยมากโดยไม่รู้ตัว (อาการนี้มักเกิดกับคนกำโทรศัพท์มือถือไว้ ถ้าสังเกตุดู เวลาเรากำมือถือไว้ เราจะแกว่งแขนนั้นน้อยมาก หรืออาจจะเกิดจากความเคยชินที่ตอนเดิน มือเราแทบไม่แกว่ง)
.
การไม่แกว่งของแขนมีผลทำให้ร่างกายไม่สมดุลในขณะวิ่ง เนื่องจากขาที่ก้าวซ้ายขวาโยกไปมา ร่างกายต้องการสมดุลเพื่อไม่ให้แกว่งหรือล้ม ถ้าแขนไม่แกว่ง ร่างกายเราจึงเกร็งตัวโดยอัตโนมัติ และเมื่อเกร็งอยู่แบบนั้นนานๆในระยะ 10K, 21K หรือ 42K ร่างกายจะล้า และจะเกิดอาการปวดบริเวณกล้ามเนื้อแผ่นหลัง
.
ข้อนี้ต้องคอยสังเกตุตัวเองตอนวิ่ง และแก้ได้ไม่ยาก แค่เราปล่อยแขนให้แกว่งตามธรรมชาติของจังหว่ะการวิ่งก็จะช่วยได้เยอะแล้ว (ถ้าให้ดี พวกโทรศัพท์ พวงกุญแจ ขวดน้ำ เหล่านี้ไม่ควรกำไว้ หรือถือไปเวลาวิ่ง ควรจะพกไว้ในกระเป๋ากางเกง หรือที่คาดเอวแทน)
.
2
#วิ่งให้ตัวตรงขึ้นไม่บิดซ้ายบิดขวา
.
อันนี้ลองสังเกตุตัวเอง ว่าเวลาเราวิ่ง ตัวเราบิดซ้ายบิดขวาหรือป่าว การสังเกตุง่ายๆก็คือ ตอนที่ลงเท้าขวา มือซ้ายเราแกว่งไปทางสะโพกขวาหรือป่าว และ เวลาลงเท้าซ้าย มือขวาแกว่งมาทางสะโพกซ้ายเยอะเกินไปหรือป่าว ถ้าเป็นแบบนั้นชัด แสดงว่าเรา #วิ่งตัวบิด
.
การวิ่งตัวบิด เป็นสาเหตุต้นๆของการวิ่งแล้วเจ็บหลังเลยหล่ะ เพราะเวลาร่างกายเราบิดไปบิดมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ตลอดระยะการวิ่ง เป็นชั่วโมงหรือสองชั่วโมง ร่างกายเราก็จะปวดบริเวณเอวและแผ่นหลังเป็นธรรมดา
.
การแก้ก็ต้องสังเกตุตัวเอง ถ้ารู้ว่า วิ่งตัวบิด ก็แก้ได้ไม่ยากนัก แก้โดยการแกว่งแขน ให้แขนแกว่งไปหน้าลำตัว ขนานกับเส้นทางวิ่ง พอแกว่งแขนไปหน้าลำตัว ร่างกายเราจะสมดุลขึ้นและ ค่อยๆลดการบิดซ้ายบิดขวาเองโดยอัตโนมัติ ค่อยฝึกจนให้ร่างกายชิน แต่ต้องระวังว่าไม่ฝืนจนเกินไป เดี๋ยวจะกลายเป็นเกร็งเกินไปอีกนะจ๊ะ
.
3
#วิ่งให้ตัวตั้งไม่โยกซ้ายไม่โยกขวา
.
อีกท่าวิ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังบ่อยๆคือ การวิ่งแล้วตัวโยกซ้ายทีโยกขวาที อาการนี้ต่างจากข้อที่แล้ว คือไม่ได้บิดตัว หน้ายังคงตรงไปเส้นทางวิ่ง แต่ตั้งแต่หัว คอ และไหล่ เอียงไปทางซ้ายเมื่อลงเท้าซ้าย และพอลงเท้าขวา หัว ไหล่และลำตัว ก็เอียงไปทางขวาอีก
.
อาการนี้จริงๆแล้วทำให้เกิดการบาดเจ็บหลายจุดเลย ไม่เพียงแค่เจ็บหลัง เพราะในจังหว่ะที่ร่างกายโยกซ้าย แล้วจะต้องลงเท้าขวา กล้ามเนื้อเราต้องออกแรงดึงตัวเรากลับมาทางขวา แล้วมันก็เอียงไปทางขวาเกินไป แล้วต้องดึงตัวกลับมาทางซ้ายอีก ถ้ากล้ามเนื้อข้างเท้าเราไม่แข็งแรง เราก็จะปวดตรงนั้นเป้นที่แรก ถัดมาคือ กล้ามเนื้อข้างเข่า แล้วจึงกล้ามเนื้อแผ่นหลังที่จะปวดตามมา
.
เห็นมั้ยหล่ะครับการวิ่ง ไม่ได้ใช้แค่เท้านะ การแกว่งแขนก็เกี่ยว การโยกหัวโยกลำตัวก็เกี่ยว ทั้งสามเทคนิคที่ว่ามานี้ จะช่วยบรรเทาอาการวิ่งแล้วปวดหลัง เพราะมันทำให้คุณวิ่งในท่าวิ่งที่เป็นธรรมชาติขึ้น ผ่อนคลายขึ้น และสมดุลขึ้น แต่ถ้าอยากจะแก้อย่างหายสนิท เราแนะนำให้ฝึก core body หรือ แกนกลางลำตัวแข็งแรงขึ้น เพราะถ้า core body แข็งแกร่งขึ้นแล้ว อาการการวิ่งบิดไปมา หรือ โยกซ้ายโยกขวาก็จะหายไปเองโดยอัตโนมัติ กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวแข็งแรง การวิ่งก็จะวิ่งดีขึ้นด้วย อาการบาดเจ็บก็จะลดน้อยลงจ่ะ
.
ขอให้วิ่งให้สนุกนะ
ออกมาวิ่งด้วยกัน
แข็งแรงไปด้วยกัน
อยู่รักกันไปนานๆ
.
#ThaiRun | คิดถึงการวิ่ง คิดถึงไทยรัน
.
Photo: #บีม THAIRUN brand ambassador
เสื้อวิ่ง Run to Kyoto
สมัครได้ที่ http://race.thai.run/kyoto
วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ออกกำลังอย่างไร ให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง Presented by Union Pay
ในภาวะสภาพแวดล้อมคุกคาม ทั้งภาวะฝุ่นละอองท่วมกรุง และยังแถมด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสร้าย นอกจากวิธีการหลบ หลีก เลี่ยง และการป้องกัน มีอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ Union Pay อยากให้ทุกท่านเตรียมไว้ใช้สู้กับภาวะคุกคามแบบนี้ นั่นคือการออกกำลังกาย
เพราะการออกกำลังกายที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายได้โดยตรง สุขภาพที่แข็งแรงคือเกราะชั้นดีตามธรรมชาติจากตัวเราเอง
วันนี้ Union Pay มีเทคนิคง่ายๆ ทำได้จริง มาฝากกัน
1.ทำให้สม่ำเสมอ ไม่หนัก ไม่เบา เน้นให้เราทำประจำ
เช่น สัปดาห์หนึ่งควรออกำลังกายได้ 3-5 วันต่อสัปดาห์ แต่ละครั้งออกให้ได้ 30-45 นาที ทำให้ได้แค่นี้ เพียงเดือนเดียวรับรอง เห็นผลเป็นคนใหม่ ร่างกายก็แข็งแรง แถมจะหน้าใสเปล่งปลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
.
.
2.ทางสายกลาง ดีเสมอ
ทางสายกลางในที่นี้คือความหนักหน่วงของการออกกำลัง ถ้าอยากให้ร่างกายแข็งแรง พยายามให้การออกกำลังตลอด 30 นาที อยู่ในช่วงความหนักปานกลาง สำหรับคนที่มีนาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ให้ใจคุณอยู่ในช่วงแอโรบิค รับรองภูมิคุ้มกันจะมีแต่ UP กับ UP แต่กับนักออกกำลังสายธรรมชาติ ให้สังเกตการหายใจของตัวเราเอาก็ได้ ใน 30 นาทีอย่าให้ถึงขั้นหอบแฮกๆ แต่ก็ไม่ใช่วิ่งไปร้องเพลงไปได้สบายอุรา เอาเป็นว่าวิ่งไปหายใจยาวๆ ลึกๆ เป่าลมจากปากได้บ้าง นั่นคือกำลังดี\
.
.
3.เข้าใจนาฬิกาชีวิต จะได้ปรับวงจรชีวิตให้สมดุล
แต่ละช่วงเวลาของวัน ร่างกายคนเราจะมีการเปลี่ยนแปลงกลไกไปตามธรรมชาติ เอาเป็นว่า Union Pay ได้สรุปเทคนิคง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ มาฝากกัน
- เวลานอน คือ 1 ใน 3 ของวัน ดังนั้นนอนให้หลับวันละ 8 ชม. แล้วร่างกายจะซ่อมแซมเซลล์เสื่อมๆ ทั้งหลายให้กลับมาไฉไลเลยทีเดียว การเข้านอนในช่วง 21.00-22.00 น. จะทำให้ลดการแก่ก่อนวัย แต่การนอนดึกเกิน 23.00 ฮอร์โมนดีๆ อย่าง melatonin จะไม่ได้หลั่งในเวลาอันควร ส่งผลให้แก่เร็วและสมองไม่โลดแล่นอย่างที่ควรจะเป็น
- เวลาตื่น กำไรชีวิตของชาวตื่นเช้า โดยเฉพาะตื่นก่อนตี 5 บอกเลยว่าคุณจะหน้าใส ผิวสวย และปอดแข็งแรง
- เวลาออกำลังกายที่ดีที่สุดของวันคือ 15.00-17.00 น. ยืดหยุ่นได้นิดหน่อย เพราะช่วงเวลานี้ร่างกายต้องการการระบายน้ำออกไม่ว่าจะทางปัสสวะหรือเหงื่อ และอาหารที่กินมาทั้งวันก็จะได้ระบายกลายเป็นพลังงาน
- เวลาขับถ่าย 05.00-07.00 น. คือช่วงที่ลำไส้ใหญ่ต้องได้ทำงาน ฝึกให้เป็นกิจวัตร รับรองมะเร็งลำไส้ หรือโรคร้ายเกี่ยวกับลำไส้ไม่มีอันต้องพบเจอ
- เวลากิน มือเช้าสำคัญที่สุด 07.00-9.00 น. หาของดีมีประโยชน์ใส่ท้องก่อนทำงาน แล้วคุณจะเบิกบานไปตลอดวัน
.
.
เห็นไหมว่าการเพิ่มภูมิคุ้มกันเป็นเรื่องง่ายที่ทำได้จริง
Union Pay ขอให้ทุกท่านเตรียมร่างกายให้พร้อม เพื่อไปพิชิตงานวิ่งมาราธอน Unique Running วิ่งเพื่อมรดกโลก บ้านเชียง ในวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้
แล้วพบกับกิจกรรมดีๆ พร้อมของแจกเพียบ ที่บูท Union Pay ภายในงานกันนะพวกเรา
เพราะการออกกำลังกายที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายได้โดยตรง สุขภาพที่แข็งแรงคือเกราะชั้นดีตามธรรมชาติจากตัวเราเอง
วันนี้ Union Pay มีเทคนิคง่ายๆ ทำได้จริง มาฝากกัน
1.ทำให้สม่ำเสมอ ไม่หนัก ไม่เบา เน้นให้เราทำประจำ
เช่น สัปดาห์หนึ่งควรออกำลังกายได้ 3-5 วันต่อสัปดาห์ แต่ละครั้งออกให้ได้ 30-45 นาที ทำให้ได้แค่นี้ เพียงเดือนเดียวรับรอง เห็นผลเป็นคนใหม่ ร่างกายก็แข็งแรง แถมจะหน้าใสเปล่งปลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
.
.
2.ทางสายกลาง ดีเสมอ
ทางสายกลางในที่นี้คือความหนักหน่วงของการออกกำลัง ถ้าอยากให้ร่างกายแข็งแรง พยายามให้การออกกำลังตลอด 30 นาที อยู่ในช่วงความหนักปานกลาง สำหรับคนที่มีนาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ให้ใจคุณอยู่ในช่วงแอโรบิค รับรองภูมิคุ้มกันจะมีแต่ UP กับ UP แต่กับนักออกกำลังสายธรรมชาติ ให้สังเกตการหายใจของตัวเราเอาก็ได้ ใน 30 นาทีอย่าให้ถึงขั้นหอบแฮกๆ แต่ก็ไม่ใช่วิ่งไปร้องเพลงไปได้สบายอุรา เอาเป็นว่าวิ่งไปหายใจยาวๆ ลึกๆ เป่าลมจากปากได้บ้าง นั่นคือกำลังดี\
.
.
3.เข้าใจนาฬิกาชีวิต จะได้ปรับวงจรชีวิตให้สมดุล
แต่ละช่วงเวลาของวัน ร่างกายคนเราจะมีการเปลี่ยนแปลงกลไกไปตามธรรมชาติ เอาเป็นว่า Union Pay ได้สรุปเทคนิคง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ มาฝากกัน
- เวลานอน คือ 1 ใน 3 ของวัน ดังนั้นนอนให้หลับวันละ 8 ชม. แล้วร่างกายจะซ่อมแซมเซลล์เสื่อมๆ ทั้งหลายให้กลับมาไฉไลเลยทีเดียว การเข้านอนในช่วง 21.00-22.00 น. จะทำให้ลดการแก่ก่อนวัย แต่การนอนดึกเกิน 23.00 ฮอร์โมนดีๆ อย่าง melatonin จะไม่ได้หลั่งในเวลาอันควร ส่งผลให้แก่เร็วและสมองไม่โลดแล่นอย่างที่ควรจะเป็น
- เวลาตื่น กำไรชีวิตของชาวตื่นเช้า โดยเฉพาะตื่นก่อนตี 5 บอกเลยว่าคุณจะหน้าใส ผิวสวย และปอดแข็งแรง
- เวลาออกำลังกายที่ดีที่สุดของวันคือ 15.00-17.00 น. ยืดหยุ่นได้นิดหน่อย เพราะช่วงเวลานี้ร่างกายต้องการการระบายน้ำออกไม่ว่าจะทางปัสสวะหรือเหงื่อ และอาหารที่กินมาทั้งวันก็จะได้ระบายกลายเป็นพลังงาน
- เวลาขับถ่าย 05.00-07.00 น. คือช่วงที่ลำไส้ใหญ่ต้องได้ทำงาน ฝึกให้เป็นกิจวัตร รับรองมะเร็งลำไส้ หรือโรคร้ายเกี่ยวกับลำไส้ไม่มีอันต้องพบเจอ
- เวลากิน มือเช้าสำคัญที่สุด 07.00-9.00 น. หาของดีมีประโยชน์ใส่ท้องก่อนทำงาน แล้วคุณจะเบิกบานไปตลอดวัน
.
.
เห็นไหมว่าการเพิ่มภูมิคุ้มกันเป็นเรื่องง่ายที่ทำได้จริง
Union Pay ขอให้ทุกท่านเตรียมร่างกายให้พร้อม เพื่อไปพิชิตงานวิ่งมาราธอน Unique Running วิ่งเพื่อมรดกโลก บ้านเชียง ในวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้
แล้วพบกับกิจกรรมดีๆ พร้อมของแจกเพียบ ที่บูท Union Pay ภายในงานกันนะพวกเรา
วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ตาม Pacer 4.15 ตั้งแต่ 10K จนจบ@ บุรีรัมย์มาราธอน 2020
วิ่งได้แข็งแรงมาก จนได้ New PB
อากาศเป็นใจ เย็นสบายมีลมพัด
ถนนราบเรียบลาดยางใหม่ ราดน้ำล้างถนนก่อนแข่ง
ไม่มีผุ่น ไม่มีปิ้งย่าง ไม่มีเผาเศษขยะใบไม้ ตลอดเส้นทาง
กองเชียร์จัดได้ว่าสุดๆ เติมกำลังใจให้ตลอดเส้นทาง
เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำหน้าที่ได้สุดยอด
น้ำท่าอุดมสมบูรณ์
สวรรค์ของนักวิ่งโดยแท้จริง
อากาศเป็นใจ เย็นสบายมีลมพัด
ถนนราบเรียบลาดยางใหม่ ราดน้ำล้างถนนก่อนแข่ง
ไม่มีผุ่น ไม่มีปิ้งย่าง ไม่มีเผาเศษขยะใบไม้ ตลอดเส้นทาง
กองเชียร์จัดได้ว่าสุดๆ เติมกำลังใจให้ตลอดเส้นทาง
เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำหน้าที่ได้สุดยอด
น้ำท่าอุดมสมบูรณ์
สวรรค์ของนักวิ่งโดยแท้จริง
วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
รายละเอียดงาน บุรีรัมย์มาราธอน 2020
ตอนแรกวางแผนว่าจะไปกับอา แต่อายังไม่หายเจ็บเข่าต้องพักต่ออีก 3 เดือน (รวมพักยาว 6 เดือน) เลยต้องนั่ง รถทัวส์ บขส.ไปแทน ไปตั้งแต่คืนวันศุกร์ ไปถึงราวๆ ตี 3 จองนอนรงแรมใกล้ๆ บขส.ไว้แล้วคืนละ 380 บาท ขากลับเที่ยวช่วงเย็นรถออก 18:20 น. (เที่ยวช่วงเช้ากลัวไม่ทัน 10:40 น.) สมัครพร้อมจองเต้นท์นอน 1 คืนเพิ่ม 250 บาท
เริ่มปล่อยตัวจากสนาม Chang International Circuit ก่อนออกสู่ภายนอกสนาม เข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 กลับตัวจุดแรกที่แยกภัทรบพิตร และเข้าสู่ถนนในชุมชนบ้านปรุบุมะค่า เพื่อสัมผัสธรรมชาติ ทุ่งหญ้า ท้องนา วิถีชีวิตยามเช้าของชาวบุรีรัมย์ วิ่งต่อไปสู่ถนนเลียบอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ก่อนกลับตัวจุดที่สองบนสันเขื่อนจากนั้นมุ่งหน้าสู่ทางหลวงแผ่นดิน 2445 เข้าสู่ตัวเมืองบุรีรัมย์ วิ่งผ่านไดโนเสาร์ตัวใหญ่ ชุมชน บ้านเรือน สถานที่สำคัญต่างๆ วิ่งมาจนถึงแยกภัทรบพิตร ผ่านพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 แล้ววิ่งชมบรรยากาศเมืองบุรีรัมย์ พบกับกองเชียร์กลุ่มใหญ่ ที่คอยให้กำลังใจตลอดทาง ผ่านศาลหลักเมือง รวมถึงวัดกลางอารามหลวง ก่อนกลับสู่เส้นชัย โดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดิน 2445 และเข้าสู่เส้นชัย ณ Chang ARENA รวมระยะทาง 42.195 กิโลเมตร
วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
4 การซ้อมวิ่งที่น่าจดจำ
1. วิ่งที่สระแก้ว 3 เที่ยว เริ่ม 16:00น. เที่ยวสุดท้ายมืด วิ่งท่ามกลางความมืด พี่เขยต้องขี่มอเตอร์ไซต์มาดูว่าทำไหมยังไม่กลับ และขี่ประกบจนเสร็จการซ้อม แกกลัวว่าจะอันตรายและงูเยอะแถวนั้น วิ่งเที่ยวละ 1 ชม. 3 เที่ยว เป็นเวลาทั้งหมด 3 ชม. มันส์มาก รถน้อยทางขึ้นเนินพองาม เริ่มเส้นทางจากที่กั้นทางรถไฟ ถึงโรงเรียนบ้านท่าแยก ตามถนนเทศบาล 31
2. วิ่งรอบอ่างเก็บน้ำใน มอ.หาดใหญ่
เพื่อนซี้มันชวนไปทำงานติดตั้งไฟฟ้าหมู่บ้านจัดสรร อยู่ที่นั้น 2 สัปดาห์ จึงหาที่ซ้อมวิ่ง ได้อยู่ 2 เส้นทาง คือขี่มอไซต์ไปวิ่งในมอ.รอบอ่างเก็บน้ำ กับวิ่งไปทางบ้านควนจง วันเกิดเหตุเป็นช่วงค่ำกำลังวอร์มอัพ มีรถ EMS วิ่งเข้ามารับนักวิ่งโดนงูกัด รปภ.บอกโดนกัดกันบ่อย งูมันออกหากิน พอคนวิ่งผ่านมาแล้วตรงมุมมืดมักมองไม่เห็นงูก็โดนกัดซ่ะ
3. วิ่งเลียบน้ำโขงวันไหลเรือไฟ
แฟนมันชวนไปเที่ยวงานไหลเรือไฟ เราก็ขอไปซ้อมวิ่งปล่อยให้พวกเขาไปดูเรือไฟกัน คนเยอะมากเดินจากโรงแรมมาเรื่อยๆ จนมาออกวิ่งแถวๆ จวนผู้ว่าเก่าวิ่งผ่านอุโมงค์นาคราช อบต.อาจสามารถ แต่ไปไม่ถึงจุดหมายสะพานมิตรภาพไทยลาว 3 เพราะ sky walk ทางขาด เพราะโดนน้ำโขงกัดเซาะ
น่าจดจำตรงขากลับวิวพระจันทร์ลอยกลางลำน้ำโขงสวยสดงดงาม อากาศก็เย็นสบาย ลมหนาวพัดผ่าน ฟินมาก
4. 10 ชั่วโมงมหัศจรรย์ของฉันบนลูปเกาะลันเตา
ตามลิงค์นี้เลย
2. วิ่งรอบอ่างเก็บน้ำใน มอ.หาดใหญ่
เพื่อนซี้มันชวนไปทำงานติดตั้งไฟฟ้าหมู่บ้านจัดสรร อยู่ที่นั้น 2 สัปดาห์ จึงหาที่ซ้อมวิ่ง ได้อยู่ 2 เส้นทาง คือขี่มอไซต์ไปวิ่งในมอ.รอบอ่างเก็บน้ำ กับวิ่งไปทางบ้านควนจง วันเกิดเหตุเป็นช่วงค่ำกำลังวอร์มอัพ มีรถ EMS วิ่งเข้ามารับนักวิ่งโดนงูกัด รปภ.บอกโดนกัดกันบ่อย งูมันออกหากิน พอคนวิ่งผ่านมาแล้วตรงมุมมืดมักมองไม่เห็นงูก็โดนกัดซ่ะ
3. วิ่งเลียบน้ำโขงวันไหลเรือไฟ
แฟนมันชวนไปเที่ยวงานไหลเรือไฟ เราก็ขอไปซ้อมวิ่งปล่อยให้พวกเขาไปดูเรือไฟกัน คนเยอะมากเดินจากโรงแรมมาเรื่อยๆ จนมาออกวิ่งแถวๆ จวนผู้ว่าเก่าวิ่งผ่านอุโมงค์นาคราช อบต.อาจสามารถ แต่ไปไม่ถึงจุดหมายสะพานมิตรภาพไทยลาว 3 เพราะ sky walk ทางขาด เพราะโดนน้ำโขงกัดเซาะ
น่าจดจำตรงขากลับวิวพระจันทร์ลอยกลางลำน้ำโขงสวยสดงดงาม อากาศก็เย็นสบาย ลมหนาวพัดผ่าน ฟินมาก
4. 10 ชั่วโมงมหัศจรรย์ของฉันบนลูปเกาะลันเตา
ตามลิงค์นี้เลย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)