อ้างอิงตามลิงค์ Runner skill tree นี้ สงสัยว่าเหตุใดนักวิ่งถนนเปลี่ยนสายไปวิ่งเทรล พอจำแนกได้ว่า
- นักวิ่งมาราธอน Lv4 => เข้าป่าฝึกวิทยายุทธ์ให้แกร่งกล้า แล้วจึงกลับมาทำ PB มาราธอน บางท่านไปแล้วหลงเสน่ห์ธรรมชาติ เพลิน ไม่หวนกลับมาเน้นมาราธอน
- นักวิ่งสายกลาง Lv3 => เกิดอยากเปลี่ยนค่ายเพราะวิ่งแล้วท้อถอย กอรปกับง้อนทำ Sub 4 ไม่ได้ หรือ บาดเจ็บ
- นักวิ่งหน้าใหม่ Lv2 => เลือกไปวิ่งเทรลเลยอาจเพราะมาราธอนยากไปไม่เหมาะกับตัวเอง ไม่ถูกจริต หรือชอบชมวิวฟินน์ในเส้นทางเทรลมากกว่า
- เพื่อน กลุ่ม ชมรม มีส่วนสำคัญทำให้การตัดสินใจเปลี่ยนสายงานง่ายขึ้น
- ครอบครัว (เมีย) อันนี้ต้องคุยกันให้ดีๆ เดี๋ยวอย่าทะเลาะกัน
- ภาระหน้าที่การงาน การแข่งขันกีฬาทุกชนิดต้องฝึกซ้อม เส้นทางมาราธอนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเหมาะสมกับการเดินหรือจ็อกกิ้ง แต่ทางเทรลเป็นธรรมชาติเข้าป่าเข้าดง เจอวิวสวยๆ ต้นไม้ พืชพรรณ ลำธาร น้ำตก คนมีใจรักธรรมชาติ อยากพักผ่อนก็เดินเที่ยวกันเยอะ
- ทำเลที่ตั้งสนามซ้อม ก็มีส่วนเช่นกัน เช่นหากบ้านอยู่ใกล้ภูเขา เป็นเราก็คงซ้อมวิ่งขึ้นเนินขึ้นเขา หรือทางเทรลคนมีทุนก็สามารถไปซ้อมกึ่งสนามจริงได้
- เปลี่ยน/เพิ่ม เป้าหมาย พอวิ่งแก่พรรษาขึ้น พูดง่ายเห็นว่าวิ่งมันง่าย อยากโน้นนี่ ก็อาจทำให้สับสนในเป้าหมายได้ง่ายๆ เช่นกัน
- ไอดอล เชื่อว่าทุกคนมีไอดอลในใจ เห็นนักวิ่งคนนั้นเก่ง อยากเป็นแบบเขาบ้าง
- มัดกล้ามเนื้อ ตามแนวทางวิทยาศาสตร์การกีฬาแยกกล้ามเนื้อคนเราออกเป็นแดงกับขาว พวกเคนยา เอธิโอเปียเป็นขาว วิ่งแล้วไม่ล้าง่าย ส่วนพวกจาไมก้าเป็นแดงมัดกล้ามเนื้อใหญ่ สปิ๊นท์ดี วิ่งนานๆล้าง่าย
- มีโค้ช ไม่มีโค้ช เท่าที่ศึกษามาการวิ่งมาราธอนให้เร็วขึ้น เวลาดีขึ้น การมีโค้ชช่วยได้เยอะ สำหรับวิ่งเทรลนั้น ในเส้นทางที่ปลอดภัยเราสามารถผ่อนหนักผ่อนเบาได้
- โดนป้ายยา