วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

เล่าประสบการณ์ของตัวผมกับมาราธอนแรก สสส. จอมบึงมาราธอน 2017

เขาว่ากันว่ามาราธอนแรกต้องที่ สสส.จอมบึงมาราธอน เราก็เตรียมตัวฝึกซ้อมมาอย่างยาวนานเกือบ 10 เดือน โดยใช้โปรแกรมฝึกซ้อมไป 2 รอบ ก็เลยสมัครเดือนกันยายน 2559 คิดว่าไม่ได้วิ่งซ่ะแล้วเพราะ











         - ต้อง Lotto แต่ยังดีตรงที่ผู้จัดเพิ่มจำนวนนักวิ่ง เป็น 15,000 คน เราจึงได้สิทธิ์นั้นง่ายขึ้น

         - หลังจากวันที่ 13 ตุลาคม เข้าสู่ช่วงโศกเศร้าและไว้อาลัยแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทำให้มีหลายงานวิ่งยกเลิก หรือเลื่อนการแข่งขัน แต่ทางผู้จัด สสส.จอมบึงมาราธอนก็มิได้แสดงท่าทีว่าจะยกเลิก
เช้าวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2560 ออกเดินทางตั้งแต่ตี 5 ไปถึงอ.จอมบึง สถานที่จัดงานราวๆ 8 โมงครึ่ง จากการสังเกตุผู้คนเริ่มทะยอยเดินทางมาถึงกันเกือบเที่ยงไปแล้ว เรามาเช้าจริงๆ นึกขำตัวเอง นั่งเล่น เดินเล่น โหลดคาร์บ ตั้งแต่ 9 โมงเช้ายันเย็นไม่ได้เอนหลังหรือแอบงีบเลย เพราะเกรงว่ากลางคืนจะนอนไม่หลับ เตรียมเต็นท์มากะนอนสนามฟุตบอลแต่โชคดีเจอน้าชายแท้ๆ ท่านก็มามาราธอนแรกที่นี้เหมือนกันเลยได้นอนห้องแอร์

น้าหลานตื่นกันตี 2 ครึ่งของวันแข่งขัน อาบน้ำแต่งตัวชุดแข่ง กินอาหารเช้าตามสูตร ลงมาวอร์มอัพ เพื่อนๆ นักวิ่งก็ทะยอยเข้าประจำตาม block ที่แจ้งตอนสมัคร เราลง 5 ชม. น้าเราจัด 4 ชม. Block A เลย เสียงกองเชียร์ดังกระหืม ผู้ประกาศก็ขู่อยู่นั้นล่ะว่าค่อยๆ วิ่งน่ะนักวิ่งอย่าให้มีใครเป็นอะไรตายระหว่างแข่ง พอถึง ตี 3 ไม่มีพิธีการมากมาย รอพระองค์ภาเดินทางมาถึงก็เริ่มปล่อยตัวเลย

ช่วงปล่อยตัวก็วิ่งตามๆกันไป ไม่ได้เน้นดูว่านักวิ่งฟูล 5,500 คนเยอะขนาดไหน กองเชียร์ส่งเสียงเชียร์กันตลอดทาง จนออกเขตตัวอำเภอนักวิ่งเริ่มแบ่งกลุ่ม เห็นชัดพอเลย จุด U-Turn 23K ไปแล้วจะเห็นมีนักวิ่งกลายเป็นนักเดินกันแล้ว ส่วนตัวผมตอนที่พักทายานวดนั้น เกิดอาการเคล็ดคัดยอกบริเวณด้านหลังหัวไหล่ คงเพราะไม่ได้เวทเทรนนิ่งเลยช่วงหลัง (คิดว่าไม่สำคัญ) จ๊อกกิ้งไปสักพักก็วิ่งต่อได้แต่ความเร็วลดลงเยอะเมื่อเลยระยะ 30K ไปแล้ว และมีบางช่วงสั้นก็ต้องกลายเป็นนักเดิน ปวดกล้ามเนื้อขา ได้สับปะรดบ้านกำนัน 2 ชิ้นใหญ่ๆ สดชื่นขึ้นทันตา วิ่งยาวเกาะตามนักวิ่งคนหนึ่งซึ่งเขาวิ่งได้ชิลล์มาก จนเข้าเส้นชัย

ช่วงโหดร้ายคือเลยระยะ 35K ไป แดดก็ร้อน ป้ายบอกระยะทางก็นานๆ เจอที (หดหู่มาก) แต่ด้วยความคิดที่ว่าเราเตรียวตัวมาดี, วิ่งต่อไปให้ถึงเส้นชัยเร็วๆ ก็จะได้พัก และจะเกิดความรู้สึกปลื้มปิติเมื่อเข้าเส้นชัย ก็เลยอดทนวิ่งต่อจนจบด้วยเวลา 4.43.16 ชม.

เช็คสภาพร่างกายหลังจากจบก็ถือว่าไม่เจ็บอะไรมาก เรี่ยวแรงก็ยังเหลือจากโหลดคาร์บ 3-4 วันก่อนแข่ง เดินหาจนได้ทำเลดีๆ ร่มๆ รับลมเย็นๆ ได้ก็ยืดเหยียดคลายเส้นสักพัก แล้วไปรับเหรียญ ต่อแถวกินอาหารชุดใหญ่

ช่วงบ่ายนอนพักผ่อนในโรงแรมเกือบชั่งโมง หลับสบายด้วยกันทั้งคู่น้าหลาน จนบ่ายแก่ๆก็ตื่น อาบน้ำ ขนสิ่งของ (เดินขึ้นลงบันได ลำบากมาก เจ็บต้นขา) แล้วจึงออกเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ

ตัวผมไม่ได้คอมเม้นท์งานนี้มากเพราะมาที่นี้ครั้งแรกไม่มีข้อมูลอะไรเปรียบเทียบ มาราธอนที่อื่นก็ไม่เคยไป


x

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น