วันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

6 คมคิด จาก 6 ชีวิตที่ร่วมก้าว


ทันทีที่เท้าของ "พี่ตูน" และทีมงาน "ก้าวคนละก้าว" แตะเส้นชัยที่เหนือสุดแดนสยาม พวกเขาก้าวร่วมกันมาแล้วเป็นระยะทางกว่า 2,200 กิโลเมตร 

ว่ากันว่าพวกเขาเหล่านี้คือคนกลุ่มแรกที่วิ่งจากเบตงถึงแม่สาย และไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลยแม้แต่น้อย

 ความงดงามของเหตุการณ์อันชวนตื้นตันนี้ไม่ได้อยู่ที่ระยะทางและยอดเงินบริจาคเฉียด 1,200 ล้านบาท หากแต่อยู่ที่ "พี่ตูน" กำลังส่งต่อแนวคิดเรื่องการเสียสละให้กับคนทั้งประเทศ 

นักวิ่งหลาย ๆ คนที่ร่วมขบวนนี้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์นี้เปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล 

จะจริงแท้แค่ไหน ลองมาฟังจากพวกเขากันเลยดีกว่า

เกยูร เลาหสุขไพศาล (เพ้นท์)

Nike Run Club Coach , Trainer

"เรารู้สึกเป็นเกียรติมากเลยนะที่มีโอกาสได้ร่วมวิ่งในวันแรกที่เบตง ยะลา ถ้าให้บรรยายถึงบรรยากาศตลอดทางวิ่ง บอกตรง ๆ ไม่อยากกลับเลย อยากยืนอยู่ตรงนั้น อยากช่วยเท่าที่จะช่วยได้ อยากให้พี่เค้าไปถึงจุดหมายโดยปลอดภัยที่สุด"

"หลาย ๆ คนอาจจะเห็นในไลฟ์อยู่แล้วว่า พี่ตูนเจอผู้สูงอายุที่ไหนก็จะหยุดตลอด อันนี้เราประทับใจมากและจำมาตลอด แถวประจวบฯ มั้ง วิ่งผ่านไปเรื่อยๆ อยู่ดี ๆ พี่ตูนก็หยุดแล้ววิ่งเลี้ยวเข้าบ้านๆ หนึ่ง ที่มียายคนนึงยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างบ้าน คือยายเค้ามาไม่ทันพี่ตูนมาไง แต่พี่ตูนจะตาดีมากๆ กับพวกคนสูงอายุมาก คือไม่มีใครเห็น แต่แกเห็นก่อนเลย"

"จากที่แต่ก่อนเราตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง สนใจแต่ความเร็วตัวเอง ตอนนี้มีโอกาสได้มาวิ่งเพื่อร่วมช่วยบริจาค ได้ช่วยดูแลทีมที่วิ่งไปด้วยกัน ได้เห็นกำลังใจจากเสียงเชียร์ข้างทาง จากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่เค้ามายืนรอ พี่ตูนสอนให้เราอ่อนน้อมมากกับคนทุกเพศ ทุกวัย เราเห็นพี่เขาก้มไหว้ต่ำมากๆ เป็นภาพติดตา และเราได้ทำตามมาตลอด จนทุกวันนี้ วันพักกลับมาอยู่กรุงเทพฯ เราก็ไหว้ ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ จนคำนี้ติดปากมาแล้ว"

"และหวังว่าการวิ่งของพี่ตูนในครั้งนี้จะช่วยส่งต่อแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายกันค่ะ"


พฤทธิ์ เลิศสุกิตติพงศา (พีท)
Event Manager - Co-working space (www.punspace.com)

"จริงๆ อยากช่วยโครงการมานานแล้ว เพราะเคยเห็นตั้งแต่ตอนพี่ตูนไปวิ่งที่บางสะพาน พี่ว่ามันเป็นโอกาสที่ดีในการทำบุญ อีกอย่างคือก็ตรงกับความต้องการของเราเองด้วยครับ"

"มันก็อาจจะไม่ใช่การค้นพบอะไรนะแต่พี่รู้สึกประทับใจว่าคนคนนึงเค้าสามารถสร้างปรากฏการณ์ทางสังคมเป็นวงกว้างได้มากขนาดนี้ พี่ตูนทำให้คนหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น มีคนสนใจการวิ่งมากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลยครับ"

"พี่ได้ร่วมวิ่งกับพี่ตูนมาสองครั้ง ตลอดทางมีเรื่องราวดีๆ ตลอดทาง แต่ที่ประทับใจมากที่สุดก็คงเป็นตอนที่วิ่งผ่านเบตง วิ่งช่วงสามจังหวัดภาคใต้ คือเราก็รู้กันอยู่แล้วเรื่องความไม่สงบในจังหวัดชายแดน แต่ตอนที่ทีมวิ่งในพื้นที่ มันทำให้คนแถวนั้นเค้าออกมาร่วมด้วยช่วยกันบริจาค เค้าออกมาจากบ้านกัน มารอพี่ตูน มารอขบวนวิ่ง เจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้ออกมาอยู่นอกบ้านกันมากขึ้น แถมยังช่วยบริจาคให้ด้วย ซึ่งประทับใจมากๆ ครับ"

ไชยา รื่นภาคบุตร
Personal trainer

"พี่เองรู้สึกดีใจมากที่ได้มีส่วนร่วมในการวิ่งครั้งยิ่งใหญ่นี้ของพี่ตูนและโครงการก้าวคนละก้าว ถือเป็นโอกาสที่ดีมากมากเลยครับ"

"ปกติเราก็ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพตัวเอง ก็แค่ทำให้ตัวเองสุขภาพดีเฉยๆ แต่โครงการนี้ทำให้พี่เห็นว่าตัวเราเองก็มีค่านะ เราตั้งใจที่จะทำความดีได้ มันไม่ได้ยากเลย ความถนัดของเราในเรื่องออกกำลังกายเป็นส่วนช่วยในการช่วยเหลือคนอื่นได้"

"มีเหตุการณ์นึงที่วิ่งตอนไปภาคใต้ประทับใจมาก คือมันจะมีอยู่ช่วงนึงที่ทีมต้องวิ่งผ่านทางที่ไม่มีบ้านคน ข้างทางเป็นเหมือนป่าต้นยาง แล้วมีครอบครัวนึงเค้าวิ่งออกมาจากป่าข้างทาง เสื้อผ้าเลอะยาง คือดูแล้วมอมแมมเลยแหละ แล้วเค้ายื่นเหรียญมาให้พี่ตูน คือตอนนั้นมันมีหลายอารมณ์มากๆ ทั้งเศร้าทั้งซึ้ง พี่น้ำตาไหลเลย คือเรารู้สึกประทับใจที่ขนาดเค้าไม่ได้มีมาก เค้ายังอยากที่จะช่วยเหลือเรา เป็นอะไรที่ตราตรึงใจมากจริงๆ ครับ"

พ.ญ.สรัลรัสษ์ คงถนอมรักษ์ (หมอวี)

นักกีฬาเพาะกายและฟิตเนสทีมชาติไทย รุ่น model physique

"เราดีใจมากที่เราได้มีโอกาสช่วยเหลือโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ เราได้มีโอกาสทำตารางโภชนาการให้กับการวิ่งครั้งนี้ รู้สึกว่าเราได้เอาสิ่งที่เราชอบมาช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมและนำมาเป็นแรงบันดาลใจได้ สิ่งที่เราทำก็เหนื่อยอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีคนอื่นที่เหนื่อยมากกว่า คงจะดีถ้าเราเอาสิ่งที่ชอบ มาสร้างแรงขับเคลื่อนในสังคมได้ ชอบความคิดที่อยากจะช่วย อยากจะเปลี่ยนแปลง นำมาปรับใช้กับตัวเองโดยใช้ความชอบเป็นพื้นฐาน"

"ปกติแล้ว ตัวหมอวีเองจะเวทเพื่อการแข่งขันเพียงอย่างเดียว ไม่เคยนึกถึงเรื่องการวิ่งเลย แต่พี่ตูนได้เปิดมุมมองว่า การวิ่งนั้นไม่ได้น่าเบื่อ พอได้เข้าร่วมโครงการก็ทำให้ได้รู้ว่า หมอวีกับพี่ตูนมีแนวความคิดที่คล้ายกัน คือ การมีความฝันแล้วทำตาม"

ดุษฎี รอยัล (เบส) #nrcbkk
อาชีพ กราฟฟิกดีไซเนอร์

"ไม่ต้องคิดอะไรเลยค่ะ! พอได้ยินข่าวว่าจะมีวิ่งกับขบวนพี่ตูนก็ตัดสินใจมาเลย เพราะอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือทีมก้าวในครั้งนี้ มันคือประวัติศาสตร์ของพลังน้ำใจที่ผู้ชายตัวเล็ก ๆ ทำให้มันเกิดขึ้นจริงด้วยการลงมือทำ"

"เป็นความอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก เป็นการวิ่งที่มีความสุขมาก เพราะได้ค้นพบว่าคนไทยยังมีน้ำใจและเห็นด้วยกับโครงการก้าวคนละก้าวอย่างมาก การวิ่งผ่านในแต่ละก้าวนั้นไม่ง่ายเลย การวิ่งเพื่อตัวเองคือวิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ได้เหนื่อยก็พัก แต่การวิ่งเพื่อคนอื่นทุกคนที่ยืนรอ เราจะไม่สามารถวิ่งเร็วเกินเพื่อรับเงินบริจาค หรือไม่ควรวิ่งช้าเกินไปเพราะทุกคนที่รอให้กำลังใจก็จะรอนาน มันทำให้รู้เลยว่าทีมงานก้าวทำงานหนักแค่ไหน คนที่วิ่งไปรับบริจาคไปไม่ง่ายเลย พูดได้ว่าเหนื่อยเป็น 3 เท่ากว่าการวิ่งธรรมดาอีก"

"การที่ทุกคนมายืนรอตั้งแต่บ่าย 4-5 โมงจนถึงสามทุ่มพร้อมส่งเสียงเชียร์ให้กับพวกเราว่า “สู้ ๆ นะ, ขอบคุณมาก, ทุกคนสุดยอด” ทั้ง ๆ ที่พี่ตูนวิ่งผ่านไปแล้วและพวกเราไม่ใช่ดารา แต่ทุกคนที่ยืนรอยังคงยืนส่งเสียงเชียร์ ร้องเพลงแสงสุดท้าย ตลอดสองข้างทางมีแต่การส่งเสียงเชียร์ ทำให้เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ตูนถึงอดใจที่จะหยุดพบเจอแฟน ๆ ของเขาไม่ได้เพราะมันห้ามใจไม่ไหวจริง ๆ เพราะรู้สึกอยากขอบคุณทุกคนที่มายืนรอบริจาคและให้กำลังใจจริง ๆ"

"มันเป็นปรากฏการณ์ที่เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ แต่มันเกิดขึ้นได้เพราะพี่ตูน ทุกคนถ่ายรูปพวกเรายื่นเงินให้กับพวกเราเพื่อส่งต่อให้กับทีมงานก้าว บางคนเป็นกระปุกที่หนักมาก ทุกคนตั้งใจมาต้อนรับและบริจาคจริง ๆ"

ส.อ.สุพิศ จันทรัตน์ (เอียด) 
กองร้อยฝึกรบพิเศษที่ 4 ค่ายฝึกการรบพิเศษสิชล จ.นครศรีธรรมราช

และอดีตนักวิ่งทีมชาติไทย

"ผมเป็นทหารอยู่ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ถูกมอบหมายให้ดูแลความปลอดภัยให้พี่ตูนในช่วงแรก แต่พอวิ่งจบวันนั้น ได้เข้าไปคุยกับพี่ตูน เขาเอาเสื้อให้ผม แล้วก็เล่าที่มาที่ไปของโครงการนี้ให้ฟังแบบตัวต่อตัว มันเหมือนกับที่เราได้ยินในสื่อ แต่พอได้สัมผัสกับตัวเองจริง ๆ มันก็เกิดความศรัทธา ผมเลยวิ่งกับเขาต่อ ตั้งใจว่าจะพาไปให้ถึงแม่สายให้ได้"

"ตอนแรกที่ได้ยินว่าเขาจะวิ่งจากเบตงไปแม่สาย ผมคิดเลยว่าเขาไม่น่าจะทำได้ อย่างดีที่สุดก็คงไม่เกินภาคใต้นี่แหละ แต่พอได้เข้ามาร่วมจริง ๆ ผมมั่นใจว่าไปถึงแน่ ด้วยกำลังใจจากทุกคน พ่อแม่พี่ตูน ทีมงาน มีหมอคอยเช็กตลอดมีกำหนดระยะพักชัดเจน แต่กว่าจะได้ร้อยกิโลก็ถูกกระชากไปหลายครั้งเหมือนกัน ผ่านจุดในเมืองที่คนเยอะ ๆ มันเลี่ยงไม่ได้หรอก ผมเล็บหลุดไป 2 นิ้วแล้ว เพราะผมจะคอยกันอยู่ด้านซ้ายของพี่ตูน ผ่านช่วงคนเยอะ ๆ จะก้มตัวต่ำคอยกันไม่ให้ใครเข้ามากระชาก กันไม่ให้คนเหยียบเท้าพี่ตูน พอผ่านจุดที่คนเยอะ ๆ มา พี่ตูนจะดึงผมเข้ามากอดคอแล้วพูดว่า "ขอบคุณนะพี่เอียด" ดูในไลฟ์ก็จะเห็นครับ เขาพูดอยู่ตลอดว่า ไม่เป็นไร ใครเข้ามากระชากหรือเหยียบเท้าเขาไม่เคยโกรธ "เพราะคนพวกนี้มายืนรอ 4-5 ชั่วโมง เขาอาจจะมีโอกาสเจอผมแค่ครั้งเดียวในชีวิต ไม่เป็นไรครับ" เขาพูดแบบนี้ตลอด ผมไม่เคยเห็นเขาไม่พอใจเลย"

"สิ่งที่ประทับใจก็คือ พี่ตูนจะให้ความสำคัญกับเด็ก คนแก่ คนป่วย มาก ๆ ถ้ามีชาวบ้านตะโกนบอกว่ามีคนป่วยติดเตียงนอนรออยู่ในบ้าน ถึงจะวิ่งเลยไปไกลแค่ไหนแล้วเขาก็จะวิ่งย้อนกลับมา เข้าไปหา ยกมือไหว้ ให้กำลังใจ มันเป็นสิ่งที่อธิบายได้ยาก แต่ผมซึ้งมากนะ ภาพแบบนี้มันเป็นกำลังใจให้พวกผมวิ่งต่อได้ เพราะเรารู้อยู่ตลอดว่าเราทำไปเพื่ออะไร"

"มันเป็นสิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกแน่นอน หาไม่ได้อีกแล้วนะเหตุการณ์แบบนี้ ที่คนจะวิ่งแบบนี้ ส่งพลังบวกกันแบบนี้ ไม่ว่าจะต่อหน้ากล้องหรือลับหลังกล้อง เขาพูดเหมือนกัน คือ เขาไม่ใช่ฮีโร่ เพราะเขาวิ่งแค่ 55 วัน ส่วนหมอกับพยาบาลวิ่งกันมาทั้งชีวิต ประโยคนี้เขาพูดบ่อย มันตอกย้ำว่าที่เราทำกันอยู่ทุกวันนี้มันไม่ใช่เพื่อตัวเราเลย เรากำลังทำเพื่อคนทุกคน เหนื่อยบ้าง เจ็บบ้าง แต่ไม่เคยท้อ เพราะเรารู้ว่ามีคนจำนวนมากรออยู่ หมอสั่งให้พัก 2 วัน แต่ผมขอพักแค่วันเดียวพอ ผมอยากไปดูแลพี่ตูน ผมเจ็บได้ ไม่เป็นไร แต่พี่ตูนต้องได้ไปต่อ ขอให้เขาไม่เจ็บ"

ทั้งหมดนี้คือคำบอกเล่าจากนักวิ่งและทีมงานที่ได้สัมผัสกับพลังใจอันยิ่งใหญ่ของผู้ชายที่ชื่อ "อาทิวราห์ คงมาลัย" หรือที่เราเคยเรียกเขาว่า "ตูน บอดี้สแลม" แต่นับจากนี้ต่อไป เขาจะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้จุดประกาย เป็นแรงผลักดันให้เราทุกคนส่งต่อสิ่งดี ๆ เพื่อสังคม และเรียนรู้ที่จะเก็บเกี่ยวความสุขจากการเป็นผู้เสียสละ

ที่มา : http://www.healthyliving.in.th/content/180159/6%20%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%20%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%206%20%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7?utm_source=fb&utm_medium=boostpost&utm_campaign=hlcontent&utm_content=6run_2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น