ความเร็วในการวิ่ง มักเป็นหนึ่งในปัญหาของนักวิ่งบางคน เพราะไม่ว่าจะวิ่งมาแล้วกี่ครั้ง หรือผ่านการวิ่งมาทุกระยะแล้วก็ตาม ก็ยังไม่สามารพัฒนาความเร็วในการวิ่งให้เพิ่มมากขึ้นได้ จึงเกิดเป็นคำถามสงสัยว่าทำอย่างไรถึงจะวิ่งเร็วขึ้นได้ วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับที่จะทำให้คุณพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นนักวิ่งมืออาชีพที่สามารถวิ่งเร็วขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมาฝาก ต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย
7 เคล็ดลับที่จะทำให้คุณวิ่งเร็วขึ้นได้อย่างเห็นผล
ที่มาของรูป : https://www.freepik.com/free-photo/focused-strong-sporty-man-running-fast-road_1355658.htm
1. วอร์มอัพร่างกายก่อนวิ่งทุกครั้ง
การวอร์มอัพร่างกายก่อนวิ่งทุกครั้ง ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยปรับสมดุลให้กับกล้ามเนื้อขณะวิ่ง เพราะหากคุณวิ่งโดยไม่มีการวอร์มอัพก่อน ก็อาจจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เกิดอาการหดเกร็งขณะวิ่ง ทำให้วิ่งได้อย่างไม่เต็มที่ เมื่อต้องการเร่งสปีดจึงไม่สามารถทำได้อย่างที่ต้องการ โดยการวอร์มอัพที่เหมาะสมก่อนการวิ่งนั้น สามารถทำได้ด้วยการวิ่งเหยาะๆ ไปรอบๆ ตัว หรือยืดเหยียดกล้ามเนื้อ แกว่งแขน แกว่งขาเบาๆ โดยใช้พลังงานให้น้อยที่สุด เพื่ออุ่นเครื่องให้กล้ามเนื้อเกิดการตื่นตัวพร้อมรับกับการวิ่งนั่นเอง
วอร์มอัพร่างกายก่อนวิ่งทุกครั้ง
ที่มาของรูป : https://www.freepik.com/premium-photo/man-runner-athletes-worming-up-outdoor-practice-with-sunset-background_4133795.htm
2. ฝึกฝนให้วิ่งเร็วขึ้น ก่อนวิ่งจริง
หากขาดการฝึกซ้อมอย่างเหมาะสมมาก่อน การที่คุณจะเร่งสปีดสองเท้าเพื่อให้วิ่งเร็วขึ้นในขณะที่กำลังวิ่งจริงอยู่นั้นย่อมเป็นไปได้ยาก เพราะนอกจากจะไม่สามารถทำได้ตามเป้าอย่างที่วางไว้แล้ว ยังอาจเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ง่ายขึ้นด้วย ทางที่ดีแนะนำให้คุณหมั่นฝึกซ้อมวิ่งเร็วให้ถูกต้องและเหมาะสมก่อนที่จะลงวิ่งจริง ซึ่งการฝึกวิ่งเร็วนั้นจะทำให้ร่างกายและกล้ามเนื้อเคยชินไปกับการวิ่งเร็วมากขึ้น โดยวิธีการฝึกก็สามารถทำได้ง่ายๆ คือ ให้คุณฝึกวิ่งเร็วด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้ง 10 หลา จากนั้นพุ่งตัววิ่งสุดแรงอีก 50 หลา ทำแบบนี้สลับกันไปเป็นประจำ จะทำให้คุณสามารถปรับสปีดการวิ่งจากช้ามาเป็นเร็วในช่วงวิ่งจริงได้ดียิ่งขึ้น
ฝึกฝนให้วิ่งเร็วขึ้น ก่อนวิ่งจริง
ที่มาของรูป : https://www.freepik.com/premium-photo/man-runner-start-running-road_4128852.htm
3. ให้ความสำคัญกับระยะก้าว และการยกขาหรือดีดขา
การยกขาไปข้างหน้าและการดีดขาไปด้านหลังนั้นมีผลอย่างมากต่อการวิ่ง และเป็นตัวช่วยที่ดีในการทำให้คุณสามารถวิ่งเร็วขึ้นได้ เพราะการยกขาและดีดขาอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ระยะก้าวในการวิ่งเพิ่มมากขึ้น โดยสามารถฝึกซ้อมได้จากการทำท่าเขย่งเก้ากระโดดด้วยการกระโดดวิ่งยกขาสูงๆ เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่างกายเคยชินกับการยกขาและดีดขาเพื่อเพิ่มระยะก้าวที่เหมาะสมได้ โดยเทคนิคนี้เป็นเทคนิคเดียวกับที่นักวิ่งระดับโลกอย่าง ยูเซน โบลต์ ใช้พัฒนาความเร็วในการวิ่งนั่นเอง
ให้ความสำคัญกับระยะก้าว และการยกขาหรือดีดขา
ที่มาของรูป : https://www.freepik.com/free-photo/man-with-fit-body-jumping-running-against-white-brick-wall_3731134.htm
4. หลีกเลี่ยงการวิ่งเหยียดขากว้างๆ เพื่อให้ก้าวได้ยาวขึ้น
นักวิ่งหลายคนมีความเชื่อว่าการวิ่งเหยียดขากว้างๆ จะช่วยให้วิ่งเร็วขึ้นและไกลขึ้น ซึ่งความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อการบาดเจ็บของเข่า อีกทั้งการเหยียดขากว้างๆ ขณะวิ่งยังส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อได้อีกด้วย หากไม่ได้รับการฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดี ดังนั้น ไม่ควรฝืนหรือฝึกฝนเกินกำลังมากเกินไป เพราะวิธีดังกล่าวอาจนำผลเสียมาให้คุณได้
หลีกเลี่ยงการวิ่งเหยียดขากว้างๆ เพื่อให้ก้าวได้ยาวขึ้น
ที่มาของรูป : https://www.freepik.com/free-photo/side-view-man-jumping-street_2033885.htm
5. ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพของกล้ามเนื้อ
การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมอยู่เสมอจะช่วยให้ร่างกายมีมวลกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ถือเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้คุณมีความพร้อมในการวิ่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเวทเทรนนิ่งในท่าต่างๆ หรือการฝึกก้าวเหยียดอย่างเหมาะสม นอกจากกล้ามเนื้อจะแข็งแรงแล้ว ยังก่อให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้นอีกด้วย โดยผลลัพธ์เหล่านี้จะทำให้คุณสามารถวิ่งเร็วขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพชัดเจนนั่นเอง
ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพของกล้ามเนื้อ
ที่มาของรูป : https://www.freepik.com/premium-photo/muscular-couple-doing-plank-exercise-together_1732945.htm
6. กินอาหารที่มีประโยชน์
หากอยากวิ่งเร็วขึ้น นอกจากการหมั่นฝึกซ้อมวิ่งและออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อเป็นประจำแล้ว การกินอาหารที่มีประโยชน์ก็มีส่วนช่วยสร้างเสริมพละกำลังทำให้คุณวิ่งเร็วขึ้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยนักวิ่งระดับโลกอย่างยูเซน โบลต์นั้นก็ใช้เทคนิคเลือกกินอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและช่วยเพิ่มพลังงานไปพร้อมกัน เช่น พาสต้า ข้าว ไก่และหมู อีกทั้งยังงดอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยในช่วงที่เขาลงแข่งวิ่งทุกครั้ง วิธีนี้ถึงแม้เป็นวิธีที่ช่วยให้วิ่งเร็วขึ้นได้แบบอ้อมๆ แต่รับประกันได้เลยว่าหากร่างกายได้รับแต่อาหารที่มีประโยชน์อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะการกินโปรตีนอย่างเพียงพอต่อการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ก็ย่อมทำให้คุณวิ่งเร็วขึ้นได้อย่างเห็นผลแน่นอน
กินอาหารที่มีประโยชน์
ที่มาของรูป : https://www.freepik.com/free-photo/female-fitness-eating-fresh-salad-milk-healthy-lifestyle-concept_1233839.htm
7. เลือกอุปกรณ์และชุดใส่วิ่งอย่างเหมาะสม
เสื้อผ้า รองเท้าที่คุณนำมาใส่วิ่งนั้น ย่อมมีผลต่อความเร็วในการวิ่งของคุณด้วยเช่นกัน เพราะหากคุณเลือกสวมใส่ชุดที่มีความเทอะทะ รองเท้าวิ่งที่ไม่ได้มาตรฐานและมีอุปกรณ์ต่างๆ เต็มตัวไปหมด ก็จะทำให้สมรรถนะในการวิ่งลดลงตามไปด้วย ดังนั้น เพื่อให้การวิ่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรเลือกชุดที่กระชับรับสัดส่วน เนื้อผ้าไม่หนา มีความยืดหยุ่น ใส่แล้วเคลื่อนไหวสะดวกและเลือกรองเท้าที่กระชับเข้ากับสรีระเท้ามากที่สุด โดยควรเป็นรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการวิ่งโดยเฉพาะ อีกทั้งควรปลดอุปกรณ์หรือสัมภาระต่างๆ ที่สร้างความเกะกะบนตัวคุณออกไปบ้างก็จะช่วยให้คุณวิ่งเร็วขึ้นได้
เลือกอุปกรณ์และชุดใส่วิ่งอย่างเหมาะสม
ที่มาของรูป : https://www.freepik.com/premium-photo/young-woman-have-break-during-training-autumn-forest_3614138.htm
7 เคล็ดลับเหล่านี้ล้วนเป็นตัวช่วยให้คุณวิ่งเร็วขึ้นได้ ดังนั้น หากใครที่อยากจะวิ่งได้เร็วยิ่งขึ้นก็ควรหมั่นฝึกซ้อมวิ่งอยู่เสมอ ควบคู่กับการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงเป็นประจำ เพียงเท่านี้การวิ่งเร็วขึ้นก็เป็นเรื่องที่ทำได้อย่างไม่ยากเย็นแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น