บทความโดย Jackie Veling
ฉันรู้ตัวมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนวิ่งช้า เวลาคนอื่นๆบ่นเรื่องความช้าของตัวเอง ฉันก็ยังถือว่าตัวเองวิ่งช้ากว่าพวกเขา
ถึงแม้พวกเขาจะเถียงว่า ไม่ แต่เชื่อเถอะว่าฉันวิ่งช้าจริงๆ ฉันพยักหน้าให้พวกเขาและเตรียมพร้อมจะรับฟังสิ่งที่พวกเขากำลังจะพูด ในขณะที่พวกเขาสารภาพกับฉันว่าเขาใช้เวลาในการวิ่ง 10 นาที/ไมล์ (1.6 กม.) ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีการเอาเพซ 10 นาที/ไมล์ มาใช้เป็นมาตราฐานกำหนดว่าแบบนี้เรียกว่าวิ่งช้ากันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่บอกได้เลยว่าฉันวิ่งได้ช้ากว่านั้น ช้ากว่าเป็นนาทีเลย และเท่าที่จำได้คือฉันไม่เคยเข้าใจว่าจะรีบวิ่งไปทำไม
ฉันเคยเข้าร่วมทีมนักวิ่งในช่วงมัธยมต้น นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้จักการวิ่งในฐานะที่เป็นกีฬา และยังมีความทรงจำชัดเจนในตอนที่ไปยืนเตรียมตัวในสนามเพื่อเริ่มการแข่งขันครั้งแรกในชีวิต แต่ฉันก็รู้สึกว่าฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการแข่งนี้ ในตอนนี้รอบๆตัวฉันนักแข่งคนอื่นกำลังเริ่มวอร์มอัพกันแล้ว ในขณะที่ฉันมัวแต่คิดว่า Oh No! นี่มันไม่ใช่สำหรับฉัน
ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้มีพรสวรรค์สำหรับการเล่นกีฬาเลย และฉันรู้สึกอยากจะถามเพื่อนๆนักวิ่งคนอื่นว่า “ทำไมพวกเราต้องพยายามวิ่งให้เร็วกว่าคนอื่นด้วยล่ะ เราแค่วิ่งกันเฉยๆไม่ได้หรือ?”
คงไม่ต้องบอกว่าตอนอยูในสนามแข่งฉันทำได้แย่ขนาดไหน และมันก็ติดตามฉันไปจนกระทั่งเริ่มเป็นผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง 5k 10k และการฝึกวิ่ง half-marathon ในขณะที่เพื่อนร่วมงานของฉันสามารถวิ่ง half-marathon ได้โดยใช้เพซ 8-9 นาที/1.6 กม. แต่ฉันต้องใช้เพซ 11 นาที/1.6 กม. ขึ้นไป แถมพวกเขายังแสดงความคิดเห็นโทษเส้นทางและแสดงความผิดหวังเรื่องการทำเวลาของตัวเองอีกด้วย ในขณะที่ฉันได้แต่คิดในใจว่า “นี่ฉันยังไม่ได้หยุดเดินสักครั้งเลยนะพวกเธอ” ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกว่าการวิ่งช้าๆนี่แหล่ะคือวิธีการที่เหมาะกับฉัน และฉันก็ไม่ใช่นักวิ่งเพียงคนเดียวที่จัดอยู่ในกลุ่มคนวิ่งช้านี้ แต่อย่างน้อยทุกคนคงเห็นด้วยเหมือนกันว่า ส่วนที่ดีที่สุดของสังคมนักวิ่งก็คือการเปิดกว้าง นักวิ่งทุกคนจะมีความเป็นมิตร โดยไม่สนใจว่าจะมีประวัติการวิ่งเป็นอย่างไร มีประสบการณ์แค่ไหน อายุเท่าไหร่ มีรูปร่างแบบไหน และมีเพซเร็วเท่าไหร่
เนื้อหาต่อจากนี้ไปเป็นบทกวีโดย Jackie Veling
ที่ส่งมอบถึงเพื่อนนักวิ่งที่คิดว่าตัวเองเป็นคนที่วิ่งช้ากว่าใครๆ
อ่านแล้วจะช่วยเพิ่มกำลังใจ และพลังความคิดด้านบวก เติมเต็มความตั้งใจในการวิ่ง
ฉันเห็นคุณได้ลงแข่งวิ่งอย่างมีความสุข
ฉันเห็นคุณซ้อมวิ่งในช่วงวันหยุดยาว วิ่งได้ไกลมาก ก่อนที่ทุกคนจะลุกขึ้นจากเตียงเสียอีก
ฉันเห็นคุณวิ่งโดยไม่สนใจนับระยะทางในบางครั้ง แต่ใครจะไปสนใจกันล่ะ? ตัวเลขมันไม่ได้ช่วยสร้างเวทย์มนต์ในการวิ่งซะหน่อย
ฉันเห็นคุณหัวเราะอย่างมีความสุขตลอดช่วงเวลาที่อายุเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ 10 ปีไปจนถึงวัย 80 ปี ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ
ฉันเห็นคุณหยุดเพื่อถ่ายรูปการวิ่งที่สวยงามของคุณ ถึงแม้จะเสียเวลาแต่มันก็เทียบกับการได้รูปที่ Perfect ที่สุดไม่ได้หรอก
ฉันเห็นคุณวิ่งเพื่อดูแลสุขภาพ เพื่อผ่อนคลายความเครียด เพื่อให้ลูกๆได้เห็นช่วงเวลาแห่งความสุข หรือเพื่อดับความกังวลในทุกก้าวที่วิ่งไป
ฉันเห็นคุณไม่แคร์ว่าตัวเองจำเป็นที่จะต้องมีร่างกายแบบนักวิ่ง
ฉันเห็นคุณเลือกวิ่งระยะไกล เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้วิ่งเร็ว แต่ก็เชื่อว่าตัวเองสามารถวิ่งได้
ฉันเห็นคุณวิ่งเพื่อให้ได้รับความสุขที่แท้จริงของการวิ่ง และทุกข์บ้างเป็นบางครั้ง
ฉันเห็นคุณ “นักวิ่งผู้เชื่องช้า” เพราะฉันอยู่ตรงนั้นเหมือนกับคุณ ,และฉันแน่ใจว่าไม่มีใครที่จะสนุกเท่ากับพวกเรา
ที่มา: http://www.vrunvride.com/positive-thinking-for-slow-runners/?fbclid=IwAR1M5ErFSOXg1qRSsUTnyt_zGstPWSivEeYLOxLIck_Z69HC_mKtFkIRHAk
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น