วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

Junk Mile

สวัสดีฮะ สำหรับวันนี้วิ่งไหนดีจะพาเพื่อน ๆ นักวิ่งไปทำความรู้จักกับเจ้า Junk Mile เห็นว่าน่าสนใจดีฮะ อยากเอามาเล่าสู่กันฟังกับเพื่อน ๆ นักวิ่งซะหน่อย
.

Junk Mile คืออะไร ? จริง ๆ มันก็แล้วแต่คนจะเรียก กิโลเมตรที่ไร้ประโยชน์ กิโลเมตรที่ไม่มีความหมาย ระยะวิ่งขยะ หรืออะไรก็แล้วแต่ เรียกง่าย ๆ มันก็เหมือนกับการวิ่งเพิ่มระยะทางแบบฝืน ๆ ไร้ประโยชน์ ไม่ได้อะไรนอกจากทำให้ร่างกายเราพังนั่นเอง ว่าแต่ไอเจ้า Junk Mile เนี่ยมันมีจริงหรอ ? จากที่เสาะหาอ่านนู่นนี่นั่นมาบอกตรงว่ามันฟันธงฉับเลยว่ามี หรือ จะไม่มีก็ไม่ได้ เพราะอะไรเดี๋ยวมาดูกัน
.
จากข้อมูลชี้ว่านักวิ่งเวลาซ้อมวิ่งมาราธอนจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทนั่นก็คือ 1.นักวิ่งที่เน้นเก็บระยะทางรายสัปดาห์ (weekly mileage) 2.นักวิ่งที่เน้นเก็บสถิติความเร็ว (เน้นวิ่งเร็ว) จะขอเรียกว่า กลุ่มเน้นปริมาณ กับ กลุ่มเน้นคุณภาพ แล้วกันนะฮะ
.
กลุ่มเน้นปริมาณพวกเขาจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พวกเขาจะเน้นแต่วิ่ง วิ่ง แล้วก็ วิ่ง ยิ่งวิ่งยิ่งดีไม่อะไรเสียหาย กลุ่มนี้จะไม่สนใจคำว่า Junk Mile เลย 
.
ส่วนกลุ่มเน้นคุณภาพพวกเขาจะไม่เน้นวิ่งบ่อยนัก แน่แหละก็พวกเขาจะเน้นไปที่ความเร็ว เพราะอย่างนั้นจะตะบี้ตะบันวิ่งอยู่ตลอดมันก็ไม่ได้ คนกลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่คิดว่า Junk Mile นั้นมีอยู่จริง และการวิ่งแบบ Junk Mile นั้นเป็นการวิ่งไม่มีความกดดัน และเพิ่มภาระให้กล้ามเนื้อมากเกินไป นักวิ่งกลุ่มนี้เลือกที่จะถนอมกล้ามเนื้อเอาไว้ด้วยวิธีการซ้อมแบบอื่นที่ทำให้กล้ามเนื้อไม่ต้องรับแรงกระแทกเพื่อความฟิตยังคงอยู่
.
โอเคในเมื่อการซ้อมถูกแบ่งออกเป็น 2 สไตล์ แล้วสรุปแล้วใครถูก ใครผิด Junk Mile มีอยู่จริง หรือ ไม่มีอยู่จริง สรุป...ตอบไม่ได้ครับ เพราะ ! มีผลการสำรวจการซ้อมวิ่งของนักวิ่งทั้ง 2 กลุ่ม ซึ่งฟังดูดีมีเหตุผลด้วยกันทั้งคู่ทำให้ไม่สามารถตัดสินได้จริง ๆ 
.
ผลสำรวจวิจัยแบ่งกลุ่มนักวิ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ โดยมีกลุ่มนึงที่ส่งนักวิ่งลงแข่งในรายการเดียวกัน แล้วเก็บข้อมูลของนักวิ่งมาอย่างละเอียดพบว่า กลุ่มนักวิ่งที่เน้นปริมาณนั้นสามารถคาดการณ์สถิติได้ ทำไมถึงคาดการณ์ได้ ? เพราะว่านักวิ่งกลุ่มนี้สามารถเช็กสถิติได้เลยจากระยะทางสะสมใครที่ทำคะแนนได้ดีในตอนซ้อมก็อาจจะทำเวลาได้ดีกว่าเพื่อน
.
แต่ แต่ แต่ ก็มีผลวิจัยบางแหล่งนั้นชี้ว่า ไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องพึ่งพาระยะทางสะสม เราก็สามารถวิ่งได้ดีขึ้นได้เพียงแค่เพิ่มความเข้มข้นในการซ้อม อัดแน่น เปลี่ยนจากวันวิ่งสบาย ๆ เป็นวันที่ต้องเพิ่มความเร็วให้กับการวิ่ง
.
จากผลสำรวจที่เราอ่าน ๆ กันมา จะเห็นได้ว่าเอาจริง ๆ แล้วทั้งการฝึกทั้งสองแบบล้วนแต่มีประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น ต่างกลุ่มก็ต่างมีสไตล์เป็นของตัวเองในแบบที่ตัวเองถนัด อย่างในทุกวันนี้บุคคลที่มีชื่อเสียงที่สามารถขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ก็มีทั้งคนที่เน้นปริมาณ และเน้นคุณภาพ ด้วยเช่นกัน แต่สำหรับผู้วิ่งสายชิลที่ต้องการจะวิ่งเพื่อกินลมชมวิว ออกกำลังกายไม่ต้องห่วงเรื่อง Junk Mile ก็ได้นะครับ วิ่งไปเถอะครับเรามีจุดหมายของเราที่ชัดเจน ไม่ต้องห่วงเรื่องการเก็บระยะทาง หรือ ความเร็ว 
.
สุดท้ายนี้ Junk Mile นั้นอาจจะมีอยู่จริงหรือไม่มีจริงก็ได้ มันก็แล้วบุคคลนั้น ๆ ที่เลือกว่าจะให้มันมีอยู่จริง หรือไม่มีอยู่จริง 
ถ้าจะเปรียบก็คงคล้าย ๆ กับศิลปะล่ะมั้ง ไม่มีถูกไม่มีผิดอยู่แค่ว่าชอบหรือไม่ชอบ แค่นั้นเอง...
.
.
#วิ่งไหนดี
#WingNaiDee
#เพราะวิ่งแล้วมีความสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น