ทุกครั้งที่ไปวิ่งในสวนสาธารณะ หากเราสังเกตุดีๆจะพบว่าเพื่อนๆนักวิ่งในสวนสาธารณะ (ไม่รวมคนที่เดิน) ทุกคนมีท่าทางลักษณะการวิ่งแตกต่างกันออกไป เหตุผลน่าจะเกิดจากหลายเหตุปัจจัยเช่นอายุ, เพศ, สุขภาพ, สรีระร่างกาย, เวลา และอื่นๆ
ตีวงให้แคบลงเพื่อหาคำตอบเรื่องการวิ่งที่แตกต่างกัน ก็จะได้การเปรียบเทียบโดยอ้างอิงเหตุปัจจัยที่เท่ากันและหรือใกล้เคียงกันในกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มนี้อาจมีมากกว่า 10 คนแต่ละคนมีข้อแตกต่างกันเพิ่มเติมอีกคือพื้นฐานการวิ่งและเป้าหมายของการวิ่ง
คำพูดยอดฮิตคือ "วิ่งเพื่อสุขภาพ" น่าจะไม่ต้องมองเรื่องพื้นฐานเลยเพราะการวิ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว ส่วนเป้าหมายคือให้สุภาพแข็งแรง ซึ่งจริงๆ การวิ่งเพื่อสุภาพ ให้ถูกต้องเป็นดังนี้
"หลักของการวิ่ง"
- ใช้ท่าวิ่งที่เป็นธรรมชาติ ไม่เกร็ง เวลาลงเท้าใช้ส้นเท้าสัมผัสพื้นก่อนจึงวางเท้าเต็ม แล้วยกส้นเท้าขึ้นเข่าไม่ยกสูงมากและไม่เหยียดสุดลำตัว ศรีษะตั้งตรงข้อศอกงอเล็กน้อย และกำมือหลวม ๆ
- ควรใช้ความเร็วที่รู้สึกเหนื่อยจนต้องหายใจแรง แต่ไม่ถึงกับต้องหายใจทางปาก หรือมีอาการหอบ เมื่อวิ่ง 4-5 นาที ควรมีเหงื่อออก แล้ววิ่งต่อไปได้เกิน 10 นาที ควรวิ่งวันละครั้ง นานครั้งละ 20 - 60 นาที ใน 1 สัปดาห์ควรวิ่งให้ได้อย่างน้อย 3 วัน
- ก่อนและหลังการวิ่งทุกครั้งควรอบอุ่นร่างกาย และผ่อนคลายร่างกายประมาณ 4-5 นาที โดยวิ่งเหยาะๆด้วยความเร็วที่น้อยกว่าที่ใช้วิ่งจริง และทำกายบริหารเหยียดกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ที่มา: วิ่งเพื่อสุขภาพ
จะเห็นได้ครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างเป็นการวิ่งเพื่อสุภาพจะได้ลักษณะการวิ่งแบบเกียร์เดียว ส่วนที่เหลือชี้ชัดได้ว่าเป็นนักวิ่งที่มีเป้าหมายเกินกว่าการวิ่งเพื่อสุขภาพ จัดเป็น "นักวิ่งสมัครเล่น" พอเขามีเป้าหมายชัดเจนเขาก็สมัครใจที่จะวิ่งให้แตกต่างออกไป เช่นวิ่งบ่อย, วิ่งทนวิ่งไกล, วิ่งเร็ว, ท่าวิ่งแปลกๆ, วิ่งแล้วหอบแดก เป็นต้น
เราจักไม่รู้หรอกว่า "นักวิ่งสมัครเล่น" กลุ่มนี้มีเป้าหมายของตนเองอย่างไร หากอยากรู้ก็คงดูได้คร่าวๆ จากความแตกต่างของการวิ่งนั้นแล้วไปค้นคว้าหาคำตอบเอาเอง เช่น บทความของสสส. นี้ การวิ่งดีมีประโยชน์ วิ่งอย่างไรไม่ทำร้ายสุขภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น