ss-เขียนเอง

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2561

วิ่งเท่าไร ก็ไม่พัฒนา

เพื่อนๆนักวิ่งหลายๆคน คงอึดอัดใจนะครับ ว่าซ้อมวิ่งเท่าไรก็ไม่พัฒนาสักที ถ้าวิ่งเพื่อออกกำลังกาย รักษาสุขภาพ ก็ไม่ต้องคิดมาก แต่ต้องคิดบวก ได้เสียเหงื่อ ได้ขยับแข้งขยับขา ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีอยู่แล้ว

ปัญหา คือ อะไร... ซ้อมมากไปไหม ซ้อมถี่ไปไหม
ถ้ารู้ตัวว่าวิ่งแล้วแทบขาดใจ หายใจไม่ทันล่ะก็ จงรับรู้ไว้ว่า คุณฝึกหนักเกินกำลังมากไป หรือเรียกว่า Overtraining การกระทำลักษณะนี้ ทำให้ร่างกายฟื้นสภาพไม่ทัน ถ้าวิ่งเร็วเกินไป จะเป็นการผลักดันร่างกาย ให้ทำงานหนักเกินอัตรา เพราะร่างกายเราไม่สามารถลำเลียงอ็อกซิเจน เข้าสู่กล้ามเนื้อได้ทัน และถ้าคุณวิ่งมากไปยาวไป ร่างกายก็ล้าได้ เพราะร่างกายเราต้องการ การพักฟื้นที่ยาวนานตามไปด้วย ก่อนการวิ่งครั้งต่อไป 
ผลที่ตามมาก็คือ ผลงานเราไม่กระเตื้อง หรือกลับจะแย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ และที่แย่ไปกว่านั้น การฝึกหนักเกินกำลังตัวเอง อาจส่งผลต่ออาการบาดเจ็บ หลับยาก หรือแม้แต่อาการซึมเศร้า
ทางแก้ ก็คือ เน้นการฝึกไปทีละขั้นทีละตอน
ขั้นแรก คุณต้องรู้จักตัวเองว่าวิ่งได้เร็วแค่ไหน ใช้นาฬิกาทั่วไป ทดลองจับเวลาดูว่า การวิ่งแบบสบายๆของเรานั้น อยู่ที่ความเร็วเท่าไร แล้วเอาเวลาตรงนี้ไปปรับใช้ในตารางฝึกซ้อม
ขั้นต่อไป เรียนรู้การจัดการเรื่องระยะทางในการวิ่ง ถ้าต้องการวิ่งยาว ต้องค่อยๆปรับเพิ่มระยะทางขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ระยะทางที่ตั้งเป้าไว้ วิธีการนี้จะไม่เป็นการฝึกเกินกำลังตัวเอง อย่าคิดว่าวิ่ง 5 กิโล 10 กิโล แล้วจะไปลงมาราธอน การวิ่ง มันไม่ได้เป็นการทบตัวเลขไปได้เรื่อยๆ เพราะเราไม่ใช่เครื่องจักร
อีกปัญหาหนึ่งที่พบเจอ คือ การเติมพลังงานไม่ถูกต้อง
การควบคุมการกินอาหาร เป็นสิ่งจำเป็น เพราะเป็นแหล่งพลังงาน ที่เราต้องการขณะวิ่ง และยังช่วยฟื้นสภาพร่างกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้ออีกด้วย สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต จะช่วยให้ร่างกายผลิต ไกลโคเจน ซึ่งเป็นตัวลำเลียงพลังงานเข้าสู่กล้ามเนื้อ ในขณะที่ โปรตีน มีความจำเป็น ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อีกทั้งช่วยผลิตฮอร์โมน ส่วนไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ก็เป็นส่วนประกอบที่จำเป็น 
แก้ปัญหาเรื่องการกิน ด้วยการสร้างสมดุลย์ในการกิน 
คำว่า เป็นนักวิ่งแล้วจะกินอะไรก็ได้ ควรจะลบทิ้งออกไป นักวิ่งต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ว่าจะกินอะไร สัดส่วนอาหารควรจะเป็นดังนี้
• 60-65% คาร์โบไฮเดรต
• 10-20% โปรตีน
• 10% ไขมันอิ่มตัว (ส่วนใหญ่มาจากเนื้อสัตว์ เช่น ส่วนเนื้อขาวที่ติดอยู่ในเนื้อสัตว์ หนังสัตว์ปีก ไข่แดง น้ำมันหมู นมไม่พร่องมันเนย ผลิตภัณฑ์จากนม เช่นเนย น้ำมันปาล์ม และน้ำมันมะพร้าว)
• 10-15% ไขมันไม่อิ่มตัว (ได้มาจากพืช)
ปัญหาการไม่พัฒนาการวิ่ง ของหลายๆคนบางครั้ง เกิดจากความเครียดเวลาไม่ได้ออกไปวิ่ง เพราะบางคน ทำงานหนัก เครียด หรือไม่ก็เล่นกีฬาหลากหลายชนิด อย่าลืมว่าร่างกายเราต้องการเวลาในการพักฟื้น ถ้าเราต้องการวิ่งให้ดีที่สุด
วิธีแก้ปัญหาตรงจุดนี้ ก็คือ ทำตัวทำใจให้สบายๆ ถ้าร่างกายต้องการพัก ก็ให้เขาพักผ่อนนอนหลับ อย่าไปกดดัน ร่างกายจะได้มีโอกาสซ่อมแซม ฟื้นสภาพให้กลับมาสดใหม่ แข็งแรงมากขึ้น
การนอนหลับไม่เพียงพอ จะส่งผลอย่างมากต่อการวิ่ง ถ้านอนไม่พอ ยังไงๆ ร่างกายก็ไม่มีเวลาพอที่จะฟื้นสภาพ ต้องพยายามทำตัวให้ผ่อนคลายก่อนนอน เช่น อาบน้ำอุ่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง เป็นต้น ................สุคีริน ทวีสุข ทีมเวโลเช่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น