ss-เขียนเอง

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สายวิ่งต้องฟัง สักครั้งในชีวิต ที่ เบอร์ลิน มาราธอน ครูดิน แนะนำวิธีวิ่ง จบแบบไม่เจ็บ


42.195 กิโลเมตร คือระยะทางมาตรฐานของการวิ่ง มาราธอน ซึ่งการวิ่งประเภทนี้เป็นเป้าหมายสำคัญที่คนรักการวิ่งจะต้องไปพิชิตให้ได้สักครั้งในชีวิต อย่างน้อยๆ สัก 1 รายการ  และรายการที่กำลังจะพูดถึงนี้ คือ 1ใน 6 เมเจอร์ของการวิ่งมาราธอนระดับโลก นั่นคือ เบอร์ลิน มาราธอน และครั้งนี้โปรแกรมสิทธิประโยชน์ The Ultimate JOY Experience ได้ ครูดิน – สถาวร จันทร์ผ่องศรี อดีตนักวิ่งมาราธอนทีมชาติไทย มารับหน้าที่โค้ชพิเศษอีกครั้ง และยังจะร่วมเดินทางไปพิชิต เบอร์ลิน มาราธอน ในทริป บีเอ็มดับเบิลยู เบอร์ลิน มาราธอน 2018 – #มิชชั่นเบอร์ลิน ซึ่งจะมาแนะนำเคล็ดลับสำหรับสายวิ่งที่เตรียมตัวไปพิชิต มาราธอนให้อีกด้วย

อะไรคือไฮไลต์ของ เบอร์ลิน มาราธอน ?
“ต้องบอกว่าสนามวิ่งที่เบอร์ลินนั้นมีมนต์ขลังมากๆ เพราะนอกจากนักวิ่งที่โชคดีได้เข้าร่วมในงานนี้จะมีโอกาสวิ่งผ่านสถานที่สำคัญคือ ประตูบรันเดินบวร์คที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งสันติภาพของเยอรมัน ซึ่งมีความสวยงามมากๆ แล้ว รายการนี้ยังเป็นสนามที่มีการทำสถิติโลกมากครั้งที่สุด ซึ่งในปี 2018 นี้ ก็คาดว่าจะมีการทำงายสถิติโลกอีกครั้ง เพราะนักวิ่งในระดับโลกหลายๆ คนที่เข้าร่วม มีสถิติและพัฒนาการวิ่งในระดับที่ดีมากจากช่วงที่ผ่านมา”

สมัครเข้าร่วมวิ่งยากไหม ?
“การสมัครนั้นไม่ยาก แต่การจะได้เข้าร่วมวิ่งนั้นยากมากๆ เพราะหลังจากสมัครแล้วทางผู้จัดจะทำการสุ่มรายชื่อจากผู้สมัครทั่วโลก นับเป็นแสนๆ คน ซึ่งจะคัดเลือกเพียงประมาณ 40,000 คนเท่านั้น ที่จะได้มีโอกาสเข้าร่วมวิ่งในแต่ละปี”

เตรียมวิ่งมาราธอนอย่างไร ?
“การเป็นนักวิ่งมาราธอนไม่ใช่อยู่ๆ อยากวิ่งก็จะมาวิ่งได้เลย เพราะการวิ่งมาราธอนเป็นการวิ่งระยะทางที่ยาวไกลที่สุดของระดับกีฬามาตรฐานโลก ไม่นับรวมการวิ่งเทรล เพราะฉะนั้นนักวิ่งจะต้องมีความอดทนเพื่อให้สามารถวิ่งได้ตลอดระยะทาง 42.195 กิโลเมตร ดังนั้นผู้ที่จะมาวิ่งมาราธอนจะต้องมีการฝึกฝนเป็นลำดับขั้น ซึ่งผู้ร่วมทริปกับ The Ultimate JOY Experience เมื่อปีที่แล้ว ก็มีคนที่วิ่งมาราธอนแรกได้จนจบหลายคน”

ต้องซ้อมอย่างไร ?
“ตลอดระยะทางร่างกายต้องลงเท้าประมาณ 4 – 6 หมื่นครั้ง เพราะฉะนันการฝึกซ้อมในแต่ละช่วงจึงจะต้องเน้นในเรื่องการพัฒนาแต่ละส่วนของร่างกาย ทำให้วิ่งต่อเนื่องได้ในระยะเวลานานๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกในเรื่องของความอดทน ฝึกที่จะเรื่องนรู้จังหวะการวิ่งของเป็นแบบไหนที่จะทำให้วิ่งได้ไปจนจบ เพราะฉะนั้นควรมีระยะเวลาซ้อมสะสมไว้ อย่างน้อย 4-6 เดือน

ซึ่งต้องแบ่งช่วงของการซ้อมตามสัดส่วน ดังนี้

ช่วงที่ 1 พัฒนาความอดทนก่อน คือ การซ้อมอย่างต่อเนื่อง

ช่วงที่ 2 พัฒนาจังหวะการวิ่ง เพื่อจะได้รู้ว่าจังหวะการวิ่งแบบไหนเพมาะกับต้นทุนที่มีอยู่

ช่วงที่ 3 พัฒนาความแข็งแรง คือการซ้อมระยะทางไกล

เมื่อได้องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนพร้อมแล้ว จากนั้นก็มากำหนดเป้าหมายว่าต้องการวิ่งในรายการไหนระยะทางเท่าไร ก็มาพัฒนาหาความเร็ว จังหวะ ตามเป้าหมายที่ต้องการ เมื่อคิดว่าซ้อมได้สมบูรณ์แบบแล้ว จากนั้นก็เริ่มซ้อมเบาลงประมาณ 7-10 วัน ก่อนการแข่ง เพื่อให้ร่างกายฟื้นภาพในระดับความสมบูรณ์ที่สูงสุด”

อย่างไรถึงจะเรียกว่าพร้อมแล้วสำหรับมาราธอน ?
“นักวิ่งต้องมีการซ้อมสะสมที่เพียงพอที่จะพัฒนาตัวเองไปจนถึงสามารถที่จะวิ่งมาราธอนได้ โดยส่วนใหญ่มีวิธีสังเกตง่ายๆ คือ ใน 1 สัปดาห์ควรจะมี 1 วันที่ซ้อมวิ่งให้ได้ไกลที่สุด ประมาณ 32-35 กิโลเมตร นั่นคือ 3 ใน 4 ของระยะทางจริง หากวิ่งได้จบในเวลาที่ตั้งเป้าไว้ ก็ถือว่าพร้อมแล้วสำหรับมาราธอน”

ทำอย่างไรให้วิ่งจบแบบไม่เจ็บ ?
“การที่จะวิ่งให้จบแบบร่างกายไม่เจ็บ นักวิ่งต้องมีองค์ประกอบ ดังนี้

1. ร่างกายต้องมีความสมบูรณ์แข็งแรง
2. ต้องฝึกซ้อมและสะสมความต่อเนื่องให้ยาวนานและเพียงพอ
3. ประเมินต้นทุนตัวเองแล้ว อย่าวิ่งเกินขีดต้นทุนที่ตัวเองมีอยู่ อย่าฝืน และอย่าใจร้อน
4. อุปกรณ์มีผล โดยเฉพาะรองเท้า เพราะเท้าของคนเราไม่เหมือนกัน แค่เท้าข้างซ้ายกับเท้าข้างขวาเรายังไม่เหมือนกันเลย หากสามารถหาพื้นรองเท้าที่ออกแบบมาได้พอดีกับโครงสร้างเท้าของแต่ละคนจะช่วยได้มาก อย่างที่ร้าน Rev Runnr เป็นสเปเชียลตี้สโตร์สำหรับนักวิ่งเจ้าแรกในประเทศไทยที่นำนวัตกรรมแผ่นรองเท้าที่เป็น Customized Insoles นี้จะช่วยซัพพอร์ทเท้าในทุกการเคลื่อนไหวได้เป็นอย่างดี สามารถสร้างพื้นรองเท้าที่ออกแบบมาให้พอดีกับเท้าของแต่ละคนได้เลย”

บีเอ็มดับเบิลยู เบอร์ลิน มาราธอน 2018 – #มิชชั่นเบอร์ลิน เป็นหนึ่งในโปรแกรมสิทธิประโยชน์ The Ultimate JOY Experience กิจกรรมสุดเอ็กคลูซีฟที่ BMW จัดขึ้นให้แก่สมาชิกผู้ใช้รถยนต์ BMW นับเป็นกลุ่มคนไทยเพียงไม่กี่คนที่ได้มีโอกาสสุดพิเศษไปวิ่งในสนามนี้ ซึ่งจะเดินทางระหว่างวันที่ 11-18 กันยายน 2561 ยังไงของส่งแรงใจไปเชียร์ให้วิ่งจบแบบไม่เจ็บกันทุกคน

ที่มา : https://sport.mthai.com/other/354326.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น