ss-เขียนเอง

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2563

การฝึกวิ่งเทมโป (Tempo Training) เพื่อเพิ่มความเร็วในการวิ่ง

Credit: https://www.vrunvride.com/tempo-training-for-faster-running/?fbclid=IwAR1zYm_gbg2Dnk9M_IoJ5SMCit9PxVLekz3s4bzgiLA8CJ9iRs-SBzuTjPE



 การฝึกวิ่งเทมโป (Tempo Training) เพื่อเพิ่มความเร็วในการวิ่ง

ในบทความนี้เป็นรูปแบบการฝึกซ้อมจากโค้ช Randy Accetta และ Greg Wenneborg แผนการซ้อมวิ่งเทมโปนี้มีการฝึกซ้อมวิ่งทั้งหมด 3 รูปแบบ และมีระยะเวลาการซ้อม 3 สัปดาห์ (ต่อการซ้อม 1 อย่าง) ร่างกายของคนเราจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ในการปรับตัวเข้ากับความตึงเครียดของรูปแบบการซ้อมใหม่ๆ ดังนั้นเราจึงควรทำการซ้อมในแต่ละรูปแบบเป็นเวลานาน 3 สัปดาห์ติดต่อกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดในเรื่องความเร็ว และความทรหดอดทน

การฝึกวิ่ง Intervals

การฝึกนี้จะช่วยปรับเปลี่ยนการหายใจและเพิ่มความอึดให้ร่างกาย ซึ่งสองสิ่งนี้จำเป็นในการแข่งวิ่ง โดยปกติแล้วยิ่งเราวิ่งระยะไกลเท่าไหร่เราก็ต้องวิ่ง Intervals มากขึ้นเท่านั้น นักวิ่งมาราธอนอาจจะซ้อมวิ่ง 1 กิโลเมตร โดยใช้เพซ 5k , 10k หรือวิ่งมากกว่า 6 กิโลเมตรโดยใช้เพซสำหรับวิ่งมาราธอน ในขณะที่นักวิ่ง 5k ก็อาจจะวิ่งในช่วงกิโลเมตรแรกโดยใช้เพซ 5k และหลังจากนั้นก็เร่งความเร็วขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 200 เมตร เพื่อเพิ่มความเร็วและจังหวะการสับขา และในทุกสัปดาห์จะมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนครั้งการวิ่ง intervals , ระยะทาง , ความเร็ว หรือปรับเปลี่ยนเวลาพัก

• ขั้นตอนการฝึก Intervals 3 สัปดาห์

สำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มต้นฝึกวิ่ง โค้ชแนะนำให้วิ่งจ๊อกกิ้งสัก 1 กิโลเมตรเป็นการวอร์มอัพ

จากนั้นวิ่งต่ออีกครึ่งกิโลเมตรให้เร็วกว่าตอนวิ่งจ๊อกกิ้ง

จากนั้นต่ออีกครึ่งกิโลเมตร แต่ให้ช้ากว่าเดิม ทำซ้ำแบบนี้ 6 รอบ

ในช่วงแรกๆไม่ต้องวิ่งเร็วมาก แต่ในสัปดาห์ต่อไปให้เพิ่มความเร็วมากขึ้นไปอีก ให้เราซ้อมแบบนี้ 3 สัปดาห์ติดกันไปเลย และในสัปดาห์ที่ 3 เราก็น่าจะมีความเร็วในการวิ่งที่เสมอต้นเสมอปลาย และมีระดับความเร็วในการวิ่งที่เพิ่มขึ้น

สำหรับคนที่มีประสบการณ์ในการวิ่งอยู่แล้ว

ให้วิ่ง 400 เมตร 10 รอบ โดยใช้เพซ 5k

ในแต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้ง 60-90 วินาที

พอเข้าสัปดาห์ที่สองก็ให้เพิ่มเป็น 12 รอบ โดยใช้เพซ 5k เหมือนเดิม

สัปดาห์ที่ 3 ก็ให้วิ่ง 12 รอบ แต่ละรอบให้ทำเวลาเร็วขึ้นกว่าเดิม 2-3 วินาที ในแต่ละรอบอยากจะวิ่งฟื้นตัวนานแค่ไหนก็ได้เลย

การฝึกวิ่งขึ้นเนิน (Hillwork)

เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ท้าทายระบบการหายใจ โดยที่มีแรงกระแทกน้อยกว่าการวิ่งในสนามวิ่ง และเป็นการเตรียมตัวลงแข่งในเส้นทางการวิ่งที่ไม่ราบเรียบ โค้ชนักวิ่ง Jabe Hickey ได้ลองเอาการฝึก 3 สัปดาห์นี้ไปใช้กับกลุ่มนักวิ่งหน้าใหม่ และให้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกตลอดเกือบทั้งปี เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นได้อีกจากการเพิ่มระยะเวลาในการวิ่งขึ้นเนินหรือเปลี่ยนแปลงระยะเวลาในการพักฟื้นตัวระหว่างรอบให้สั้นลง หรือเพิ่มจำนวนรอบในการฝึก หรือเปลี่ยนไปใช้เนินที่มีความชันมากกว่าเดิม

• ขั้นตอนการฝึก 3 สัปดาห์

สำหรับในสัปดาห์ที่ 1 ให้หาเนินที่มีความชันประมาณ 2-7% แล้ววิ่งขึ้นเนิน 8 รอบ แต่ละรอบวิ่งนาน 40 วินาที โดยใช้เพซ Hard (ใช้ความยากระดับล่างๆ แต่ต้องวิ่งในระดับยาก)  จากนั้นให้เดิน/จ๊อกกิ้งกลับลงมา 20 วินาที เป็นการฟื้นตัว

ในสัปดาห์ที่ 2 เพิ่มเวลาในการวิ่งเป็น 1 นาทีครึ่ง จากนั้นให้เดิน/จ๊อกกิ้งกลับลงมา 45 วินาที เป็นการฟื้นตัว ให้ทำทั้งหมด 8 รอบเช่นกัน

ในสัปดาห์ที่ 3 ยังวิ่ง 8 รอบอยู่ แต่ละรอบใช้เวลาในการวิ่ง 3 นาที เดิน/จ๊อกกิ้งกลับลงมาเป็นระยะเวลา 1 นาทีครึ่ง เป็นการฟื้นตัว

การฝึกวิ่งเทมโป (Tempo Run)

เพิ่มความทรหดด้วยการฝึกวิ่งเทมโป โดยใช้เพซในระดับ 7/10 โดยเพิ่มเวลาหรือเพิ่มระยะทางในการวิ่งให้มากขึ้นที่ละนิดในทุกสัปดาห์ หรือจะวิ่งเร็วเท่าเดิมและเพิ่มระยะทางที่ละนิดก็ได้ โดยให้ใช้เพซต่างกันเล็กน้อยหรือไม่ต้องเคร่งเรื่องเพซก็ได้

ในการวิ่งแบบนี้เราควรใช้เพซที่ยากนิดหน่อย เพื่อให้ร่างกายสามารถสลายกรดแลกติกได้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้เราสามารถวิ่งในระดับที่เข้มข้นกว่าเดิมและมีอาการเหนื่อยล้าน้อยลงกว่าเดิม

• ขั้นตอนการฝึก 3 สัปดาห์

สัปดาห์ที่ 1 วอร์มอัพ 10 นาที วิ่ง 10 นาทีโดยใช้เพซเทมโป คูลดาวน์ 10 นาที ในแต่ละสัปดาห์ให้เพิ่มเวลาวิ่ง 5-10 นาทีและวิ่งให้ยากขึ้นทุกสัปดาห์ หรือรักษาเวลาในการวิ่งให้คงที่เช่น 20 นาทีเป็นต้น แต่วิ่งให้ได้ระยะไกลขึ้นนิดหน่อยในทุกสัปดาห์โดยที่ไม่ต้องใช้ระดับความพยายามที่มากขึ้น



แถม! ปิดท้ายด้วยแผนการวิ่งระดับสูง

โดย Tia Accetta (ภรรยาของ Randy Accetta) ซึ่งเป็นนักวิ่งมาราธอน ที่สามารถทำเวลาได้ 2:48

เป็นแผนการวิ่งที่เหมาะกับนักวิ่งที่มีประสบการณ์สูง โดยจะมีปริมาณการซ้อมที่คงที่ในทุกสัปดาห์ ในขณะที่การวิ่ง intervals จะสั้นและเร็วกว่า หลังจากนั้นให้กลับไปฝึกตามโปรแกรมเดิมแต่เพิ่มระยะเวลาการฝึกให้มากขึ้น

ที่มา : https://bit.ly/2w8aW51

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น